วิธีแต่งบ้านให้เป็นมิตรกับผู้ป่วยสมองเสื่อม ช่วยลด และเลี่ยงอุบัติเหตุ
วิธีการออกแบบและจัดวางบ้านของคุณอาจมีผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอาการของการสูญเสียความจำ ความสับสน และความยากลำบากในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หมายความว่าผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมอาจลืมไปว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน สิ่งต่างๆ อยู่ที่ไหน และสิ่งต่างๆ ทำงานอย่างไร แม้จะไม่แนะนำให้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในบ้านเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็มีวิธีง่ายๆ บางอย่างที่คุณสามารถทำได้ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมได้ใช้ชีวิตตามลำพังที่บ้านได้ต่อไป
1.ประเมินความต้องการ คุณควรประเมินความต้องการว่าคุณต้องการปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านบ้าง เช่น ราวจับในห้องน้ำ
2.แสงที่ดีขึ้น คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคสมองเสื่อม และผู้สูงอายุโดยทั่วไปจะได้ประโยชน์จากแสงสว่างในบ้าน โดยเฉพาะหากปรับแสงสว่างในบ้านให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงความสับสนและลดความเสี่ยงที่จะลื่นล้ม
นอกจากนั้นควรพยายามลดแสงสะท้อน เงา โดยแสงที่ดีที่สุดคือแสงที่เป็นธรรมชาติสม่ำเสมอ วิธีการเพิ่มแสงธรรมชาติมีทั้งตอนกลางวันเปิดม่าน ไม่จำเป็นต้องมีมุ้งหรือมู่ลี่หากไม่จำเป็น ตัดพุ่มไม้ และต้นไม้ที่บังหน้าต่าง หรือบังแสงแดด แสงสว่างมีความสำคัญกับบริเวณบันได ห้องน้ำ สวิตซ์ไฟก็ควรเข้าถึงได้ง่าย และใช้งานง่าย เซ็นเซอร์วัดแสงอัตโนมัติอาจเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ดี ไฟจะสว่างโดยอัตโนมัติเมื่อมีคนผ่านเซ็นเซอร์และภาวะสมองเสื่อมมักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การตรวจสายตาจึงเป็นสิ่งจำเป็น
3.ลดเสียงรบกวน
หากเป็นผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมสวมเครื่องช่วยฟัง เสียงรบกวนต่างๆ จะยิ่งดังขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่สบายใจ วิธีแก้ปัญหาคือลดเสียงรบกวน เช่นปิดโทรทัศน์ วิทยุหากไม่มีใครสนใจ นอกจากนี้การตรวจการได้ยินเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ แม้ว่าผู้ป่วยจะมีเครื่องช่วยฟังติดตั้งอยู่ก็ตาม
4.ทำให้พื้นมีความปลอดภัย
พยายามหลีกเลี่ยงพรมหรือเสื่อบนพื้น เนื่องจากผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบางคนอาจสับสนและคิดว่าพรมหรือเสื่อเป็นสิ่งที่ต้องก้าวข้าม ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะดุดหรือหกล้ม หลีกเลี่ยงพื้นเป็นมันหรือสะท้อนแสง เพราะเขาอาจมองว่าพื้นเปียก และผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอาจเดินลำบากกว่าจะเดินผ่านได้ พื้นที่ดีที่สุดคือพื้นแบบบ้าน และสีต้องตัดกับผนัง เลี่ยงสีที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นของจริง เช่นสีเขียวที่อาจคิดว่าเป็นหญ้า หรือพื้นสีน้ำเงินที่อาจคิดว่าเป็นน้ำ
5.สีตัดกัน
ภาวะสมองเสื่อมสามารถส่งผลต่อความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสีได้ ดังนั้นการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกสีที่ตัดกันบนผนัง และพื้น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสีสดใสหรือเข้มตัดกับผนังและพื้น รวมทั้งสีเตียง โต๊ะและเก้าอี้ควรตัดกับประตู ราวบันได เพื่อให้ดูโดดเด่น
ฝารองนั่งชักโครกสีตัดกับส่วนอื่นๆ ของห้องน้ำ เครื่องถ้วยชามที่มีสีตัดกันกับผ้าปูโต๊ะหรือโต๊ะ ซึ่งจะช่วยเรื่องการกำหนดขอบจานและจาน