วิธีทำสวนไม้น้ำในร่ม อยากมีสวน แต่ไม่อยากปลูกต้นไม้ในดิน
หากคุณกำลังมองหาวิธีใหม่ในการปลูกต้นไม้ไว้รอบๆ บ้าน การสร้างสวนน้ำในร่มอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ นอกจากนี้วิธีการปลูกไม้น้ำยังถือเป็นวิธีการดูแลต้นไม้ในบ้านแบบที่คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการรดน้ำต้นไม้ว่าจะมากหรือน้อยเกินไป
วิธีจัดสวนไม้น้ำในร่ม
สำหรับพืชน้ำที่แนะนำนั้นมี 3 ประเภทที่สามารถใช้ในสวนไม้น้ำได้
1.พืชน้ำที่แท้จริง คือพืชที่ทั้งราก และใบสามารถอยู่ในน้ำได้ทั้งหมด
2.พืชที่รากเติบโตในน้ำ ในขณะที่ใบขยายเหนือผิวน้ำ
3.พืชลอยน้ำ พืชเหล่านี้อาศัยอยู่บนผิวน้ำ และระบบรากมีขนาดเล็ก ลอยแบบตื้นๆ
คำแนะนำ : ไม่ควรใส่ปลาลงในสวนไม้น้ำเพราะเหยือก หรือแจกันนั้นมีขนาดเล็กเกินไป หากมีปลาอยู่ในภาชนะ ก็ไม่ควรใส่ปุ๋ยหรืออาหารให้กับไม้น้ำ
การเริ่มต้นทำสวนไม้น้ำนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้สวนของคุณดูเป็นอย่างไร เราสามารถใช้พืชน้ำทั้ง 3 ชนิดได้เพื่อสร้างสวนน้ำในร่มได้สำเร็จ เมื่อสร้างแล้ว สวนไม้น้ำในร่มต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อย ทำความสะอาดเพียงเล็กน้อย และการเปลี่ยนน้ำจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าภาชนะบรรจุยังคงสะอาดและไม่มีเศษขยะ มาเริ่มสร้างสวนไม้น้ำในร่มด้วยขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้
อุปกรณ์
-แปรงสีฟัน
-ผ้า หรือผ้าขี้ริ้ว
-ภาชนะแก้วใส
-หิน/ก้อนกรวด
-พืช
-อาหารพืชน้ำ
-น้ำกรอง
ขั้นตอน
1.เลือกต้นไม้ หรือพืชที่คุณต้องการ
ประเภทพืช ต้นไม้ที่คุณเลือก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจะเลือกต้นประเภทไหน เช่นจาวามอส จาวาเฟิร์น ดาบอเมซอน แอนาคาร์ซิส อนูเบียส หากคุณชอบรูปลักษณ์ของพืชกึ่งน้ำต้นไม้ที่นิยมเช่น พลูด่าง ฟิโลเดนดรอน อิงลิชไอวี่ และอื่นๆ สามารถเปลี่ยนเป็นการปลูกต้นไม้ที่รากในน้ำได้อย่างง่ายดายในทำนองเดียวกัน พืชลอยน้ำที่ได้รับความนิยม ได้แก่ แหน ผักตบชวา เป็นต้น
2.เลือกภาชนะที่ต้องการ
ภาชนะแก้วชนิดใดก็ได้สำหรับสวนไม้น้ำในร่มที่สำคัญคือต้องกันน้ำได้ จะใช้เหยือก หรือแจกันที่มีอยู่แล้ว ขนาดและรูปร่างของภาชนะขึ้นอยู่กับประเภทของสวนไม้น้ำที่คุณต้องการ แต่ถ้าต้องการใช้ต้นไม้หรือพืชน้ำที่แท้จริง คุณจะต้องมีภาชนะที่ใหญ่พอที่จะใส่ได้ทั้งต้น อีกทางหนึ่งหากคุณจะใช้พืชกึ่งน้ำหรือไม้ลอยน้ำ คุณจะต้องมีภาชนะที่พอดีกับรากของพืช
3.ทำความสะอาดราก
ไม่ว่าจะเลือกพืช หรือต้นไม้อะไรก็ต้องทำความสะอาดรากให้ทั่วถึง การทำความสะอาดรากช่วยให้น้ำสะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รากเติบโตก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำ ข้อระมัดระวังคืออย่าให้รากขาดหรือแตก แปรงสีฟันหรือผ้าเก่าๆ อาจเป็นวิธีที่ดีในการขจัดคราบฝังแน่นเมื่อคุณกำจัดเศษหรือดินทั้งหมดออกจากรากแล้วให้ค่อยๆ อุ้มมันไว้ใต้น้ำไหลเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันสะอาดหมดจด
4.ใส่กระถางปลูกต้นไม้ในภาชนะ
เมื่อต้นไม้ของคุณสะอาดและพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลารวมสวนไม้น้ำเข้าด้วยกันหากคุณกำลังใช้ไม้ลอยน้ำ สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย เนื่องจากคุณต้องเติมน้ำลงไปในภาชนะของคุณก่อนที่จะเติมต้นไม้
หากคุณกำลังสร้างสวนน้ำด้วยพืชน้ำที่แท้จริง คุณจะต้องใช้หินกรวด หิน (หินพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นทางเลือกที่ดีและราคาไม่แพง) เพื่อถ่วงน้ำหนักฐานของพืชในภาชนะ วางต้นไม้ไว้ด้านล่างของภาชนะแล้วค่อยๆ ใส่หินลงไปจนกว่าฐานของต้นไม้จะแน่น สิ่งสำคัญคือต้นไม้จะต้องไม่มีหินมากเกินไปเพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของราก
แต่ถ้าคุณกำลังใช้พืชกึ่งน้ำคุณจะต้องวางรากของพืชในภาชนะของคุณและยึดต้นไม้ให้เข้าที่ก่อนที่จะเติมน้ำ คุณสามารถใช้ก้อนหินและก้อนกรวดสำหรับสิ่งนี้ได้หรือคุณสามารถปล่อยให้รากงอกขึ้นทั่วทั้งภาชนะ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับภาชนะที่คุณต้องการ
5.เติมน้ำลงในภาชนะ
เมื่อคุณพอใจกับการจัดสวนแล้ว ก็ถึงเวลาเติมน้ำในสวนของคุณ ควรใช้น้ำกรองเพื่อสุขภาพของพืชน้ำ หากใช้น้ำประปา ควรปล่อยทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้คลอรีนระเหยออกไปได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ใช้น้ำที่อุณหภูมิห้อง อุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นเกินไปอาจทำให้พืชของคุณน็อคได้
หากคุณเลือกใช้ไม้ลอยน้ำให้เติมน้ำลงในภาชนะของคุณ แล้วจัดเรียงต้นไม้ตามที่คุณต้องการ หากคุณใช้พืชกึ่งน้ำ คุณจะต้องเติมน้ำลงในภาชนะหลังจากเติมต้นไม้แล้ว ให้ทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้รบกวนการจัดวางของคุณไล่กระแสน้ำออกจากขอบด้านในของภาชนะเพื่อไม้ให้น้ำตกโดนต้นไม้โดยตรง
6.เพิ่มการตกแต่ง (ไม่จำเป็น)
เมื่อสวนน้ำของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเพิ่มการตกแต่งอื่นๆ ได้ตามสบาย เช่น หินประดับ คริสตัล รูปแกะสลัก อุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา และอื่นๆ ล้วนแต่สร้างความประทับใจให้กับการตกแต่ง
เมื่อสวนไม้น้ำในร่มของคุณถูกสร้างขึ้นแล้ว ก็ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เพียงเล็กน้อยโดยวางไว้ในที่ที่ได้รับแสงสว่างส่องทางอ้อม และอยู่ห่างจากหน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศที่มีลมพัด เม็ดอาหารสำหรับพืชน้ำ (มีจำหน่ายตามร้านขายสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่) สามารถใช้เพื่อให้ปุ๋ยแก่สวนน้ำของคุณได้ อย่าลืมอ่านคำแนะนำในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนเติมอะไรลงไปในน้ำ
ทุกๆ 2-3 สัปดาห์ คุณจะต้องเปลี่ยนน้ำและทำความสะอาดภาชนะอย่างรวดเร็ววิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสาหร่ายจะไม่สะสมตัวเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจทำให้น้ำขุ่นและสกปรกได้ อย่าลืมดูรากต้นไม้ของคุณด้วยและกำจัดชิ้นส่วนที่ตายแล้วหรือกำลังจะตาย