เอาตัวรอดจากคำถามสุดน่ารำคาญของบรรดาญาติ ๆ และป้าข้างบ้าน

เอาตัวรอดจากคำถามสุดน่ารำคาญของบรรดาญาติ ๆ และป้าข้างบ้าน

เอาตัวรอดจากคำถามสุดน่ารำคาญของบรรดาญาติ ๆ และป้าข้างบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บทความก่อนหน้านี้ Tonkit360 เคยเสนอเกี่ยวกับ 5 คำพูดไม่สร้างสรรค์ ที่ไม่อยากได้ยินจากพวกญาติ ๆ มาบ้างแล้ว ว่าคำพูดไม่สร้างสรรค์แบบไหนที่สร้างบรรยากาศเป็นพิษในการพบปะกับคนในครอบครัว (และป้าข้างบ้าน) พวกคำทักทาย คำถาม คำพูดสุดจี๊ดที่ฟังไม่ค่อยเข้าหู รู้ว่าถามแต่ไม่อยากจะตอบ ไม่อยากแม้กระทั่งได้ยิน! แต่ทุกครั้งที่เทศกาลรวมญาติมาเยือน หลาย ๆ คนก็ต้องมานั่งระแวงเสมอว่าปีนี้จะมาไม้ไหน จะสรรหาอะไรมาพูด บางคำถามก็ถามอยู่ได้ทุกปี คำตอบก็เหมือนเดิมทุกปี แต่ก็ยังจะถามไม่เลิกอยู่นั่น

สำหรับเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา หลาย ๆ คนก็เอาตัวรอดจากคำพูดทิ่มแทงพวกนั้นมาได้สบาย ๆ เพราะอาศัยว่าเจนจัดวงการ สำหรับน้องใหม่หลาย ๆ คนที่เพิ่งจะได้เริ่มทำงานก็อาจจะเพิ่งเคยเจอคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเรามากขนาดนี้เป็นครั้งแรก แอบรู้สึกแย่อยู่หน่อย ๆ ว่าจะมาอยากรู้หน้าที่การงานเราลึกซึ้งขนาดนั้นทำไม อยากรู้เงินเดือนเราไปเพื่ออะไร แล้วไม่ใช่แค่ญาติพี่น้องนะ ป้าข้างบ้านก็ดันอยากรู้อีกว่าเราทำงานอะไร น่าหงุดหงิดจริง ๆ กับความใส่ใจที่มากจนเกินไปของผู้ใหญ่บางคน

เพื่อที่ปีหน้าจะได้ไม่มานั่งนอยด์แบบนี้อีก เรามาดูวิธีเอาตัวรอดจากคำพูดสุดน่ารำคาญของบรรดาญาติ ๆ และป้าข้างบ้านกันดีกว่า ว่าเราจะจัดการกับสถานการณ์เฉพาะหน้าสุดกระอักกระอ่วนนั้นอย่างไรดี

ถ้าไม่แคร์ก็ตอบไปตามตรง

มอบโล่ให้กับความมั่นใจและไม่กลัวที่จะเป็นตัวเอง ก็ในเมื่อสิ่งที่เราเลือกจะเป็นไม่ได้เดือดร้อนใคร แล้วเราก็สะดวกใจหรือตัดสินใจที่จะเป็นแบบนี้เอง ก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไร กล้าถามมาแบบนี้ก็กล้าตอบกลับไปตรง ๆ เหมือนกัน คนประเภทนี้จะไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดอะไรกับตัวเอง เพราะสุดท้ายเราก็ห้ามปากเขาไม่ได้ และคงสายเกินไปที่จะสอนมารยาทกันใหม่ แค่มั่นใจไว้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด จบเรื่องก็ต่างคนต่างก็ต้องไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อให้ดี แล้วที่สำคัญอย่าเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย เชื่อเถอะว่าคนอื่นที่ร่วมวงสนทนาเขาจะแยกออกเองว่าคำพูดไหนน่าถามไม่น่าถาม

บ่ายเบี่ยงแล้วเปลี่ยนเรื่อง

ถ้ากำลังคุย ๆ กันอยู่ แล้ว จู่ ๆ ก็เจอคำพูดน่าโมโห คำถามน่ารำคาญจากอีกฝ่าย โดยที่เราก็ไม่ใช่คนที่กล้าท้าชนอะไรขนาดนั้น รวมถึงไม่สะดวกจะตอบ ก็ลองใช้วิธีเนียน ๆ เปลี่ยนเรื่องไปเลย บ่ายเบี่ยงที่จะตอบออกไปตรง ๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง อาจจะลองตั้งคำถามเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง (หรือคนที่ตั้งคำถามกับเรา) หรือโยนหัวข้อสนทนาใหม่เข้าไปที่น่าสนใจลงไป ทำเป็นคุยกันคนละเรื่องเดียวกันซะ แบบนี้จะดูเสียมารยาทน้อยลง แถมไม่เสี่ยงเกิดการปะทะใด ๆ ขึ้นด้วย ทั้งนี้ต้องหาจังหวะดี ๆ จะได้ไม่วนกลับมาที่เรื่องเดิมที่เราไม่อยากจะตอบอีกครั้ง

ลับสกิลปาก ตอบกลับแบบทีเล่นทีจริงแสบ ๆ คัน ๆ

วิธีค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีบุคลิกทีเล่นทีจริงอยู่แล้ว ถึงจะดูเหมือนตอบเล่น ๆ ตั้งใจเอาฮา กวน ๆ แต่มันก็ยังแฝงไปด้วยความจริงจังที่บอกให้โลกรู้ว่าอย่าเล่นผิดคนดีกว่าน่า แล้วถ้าไม่อยากโดนอีกล่ะก็อย่าถามอะไรแบบนี้อีก ความก้าวร้าวจะลดลงมาเยอะเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่ได้มีบุคลิกแบบนี้แล้วจะตอบกลับแบบแสบ ๆ คัน ๆ บ้างไม่ได้นะ อยู่ที่เราจะครีเอตว่าจะให้จบแบบไหน ถ้าเป็นคนนิ่ง ๆ แล้วตอบกลับแบบนี้ล่ะก็ คนถามมีหวังหน้าหงายได้เลย ชัดเจนว่าไม่พอใจ แต่ถ้าเป็นคนง่าย ๆ ชิล ๆ อาจดูก้าวร้าวและไม่มีสัมมาคารวะได้ เพราะเหมือนพูดล้อเล่น

ให้ความเงียบเป็นคำตอบ

ต้องระวังนิดนึงนะ เพราะการใช้ความเงียบเป็นคำตอบ (เรามักจะส่งสายตาที่อ่านออกว่าเราไม่พอใจไปด้วย) จะทำให้บรรยากาศตรงนั้นอึดอัดขึ้นเป็น 2 เท่า! ลองนึกสภาพว่ามีคนหนึ่งรัวคำถามใส่เราไม่หยุด แต่เรากลับไม่ตอบอะไรเขาเลยสักคำ แถมสีหน้าแววตาก็บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างแรง มันจะดูท้าทายแค่ไหน สุดท้ายคนที่เด็กกว่าก็จะถูกประณามว่าไม่มีมารยาทอีก แนะนำว่าใช้วิธีนี้กับบุคคลที่เหลืออดแล้วจริง ๆ ประมาณว่าคำถามของเขาเสียมารยาทกับเรามากเกินไปแล้ว ถ้าจะให้เบาลงมาหน่อยก็หัวเราะแห้ง ๆ ไป 2 ทีแล้วไม่ต้องตอบอะไร ก็น่าจะรู้แล้วนะว่าเราจะไม่ตอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook