ฮาวทูอยู่บ้านทั้งวันในหน้าร้อน แบบประหยัดค่าไฟ

ฮาวทูอยู่บ้านทั้งวันในหน้าร้อน แบบประหยัดค่าไฟ

ฮาวทูอยู่บ้านทั้งวันในหน้าร้อน แบบประหยัดค่าไฟ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตั้งแต่เข้าสู่เดือนมีนาคมของทุกปี ก็มักจะเป็นช่วงที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสิ้นสุดฤดูหนาวที่ถูกระบุว่าคือช่วงเวลาปลายปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงต้นปีนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งถ้าไม่ใช่พื้นที่ที่อยู่ทางตอนเหนือหรือทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก็จะทราบดีว่าฤดูหนาวมีอยู่แค่ในทฤษฎีเท่านั้น อากาศเมืองไทยน่ะร้อนแทบตลอดทั้งปี ขนาดว่าตอนฤดูหนาวยังต้องมานั่งนับวันที่อากาศเย็นกันเลย เพราะมันก็มีอยู่ไม่กี่วัน

เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนหงุดหงิดขนาดนี้ ในช่วงที่ไม่ได้ค่อยได้ออกไปไหน วิธีคลายร้อนของแต่ละบ้านก็คงจะหนีไม่พ้นการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำเพื่อปรับให้อุณหภูมิในบ้านน่าอยู่ขึ้น แต่การเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ทั้งวี่ทั้งวัน ก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกกังวลเรื่องค่าไฟฟ้าที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นแน่นอน แต่จะสูงมากหรือสูงน้อยเป็นเรื่องที่ต้องไปลุ้นเอาเอง เพื่อให้เราไม่ต้องหวั่นใจเรื่องค่าไฟพุ่งจนหน้ามืด Tonkit360 จึงมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการอยู่บ้านทั้งวันในหน้าร้อนแต่ไม่เปลืองไฟมาแนะนำ

เทคนิคเปิดพัดลมไปพร้อม ๆ กับเปิดแอร์

อุณหภูมิในช่วงนี้แค่เปิดพัดลมยังไงก็เอาไม่อยู่ แถมยิ่งเปิดเบอร์แรงก็ยิ่งมีแต่ลมร้อนออกมา ถ้าจะให้เปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน เราต้องเปิดอุณหภูมิต่ำแค่ไหนล่ะถึงจะเย็นสะใจ ซึ่งมันต้องแลกมากับบิลค่าไฟที่ตัวเลขชวนช็อกอีกต่างหาก ดังนั้น เพื่อไม่ให้แอร์ทำงานหนักจนเกินไปและตัวเราก็เย็นเร็วขึ้น เทคนิคการเปิดพัดลมไปพร้อม ๆ กับเปิดแอร์จึงเป็นวิธีที่หลายบ้านทำกัน เพราะพิสูจน์กันมาแล้วมาเย็นจริงและประหยัดค่าไฟได้มากกว่า

สูตรง่าย ๆ ที่การไฟฟ้านครหลวงแนะนำมา คือ ให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมกับเปิดพัดลมหันเข้าหาตัว วิธีนี้ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เนื่องจากพัดลมจะช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนได้เร็วขึ้น อากาศไหลเวียน เราจึงรู้สึกเย็นสบายได้เร็วและมากขึ้นด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ดี จะประหยัดไฟได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระบบควบคุมและเทคโนโลยีของแอร์ที่ใช้ด้วย โดยการเปิดแอร์นั้น เราไม่ควรตั้งอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส รวมถึงการตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้มากกว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น 1 องศา ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้แอร์

อากาศร้อนมากขนาดนี้ เราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาแอร์เป็นหลัก แต่การใช้แอร์ที่มากขึ้นค่าไฟฟ้าก็ย่อมสูงขึ้นตามเป็นธรรมดา ซึ่งนอกจากเทคนิคเปิดพัดลมพร้อมกับเปิดแอร์แล้ว เราอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้แอร์กันสักเล็กน้อยเพื่อให้ประหยัดไฟได้ดีกว่า และแอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปด้วย อย่างเช่นให้เลือกเปิดแอร์ในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง ประมาณช่วงค่ำ ๆ เพราะหากเปิดตอนอากาศร้อนจัดจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนักเกินไปและกินไฟมาก ตั้งอุณหภูมิของแอร์ให้อยู่ที่ประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส รวมถึงตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้าก่อนตื่นสัก 1-2 ชั่วโมง ก็ช่วยได้เยอะทีเดียว

นอกจากนี้ ยังควรหมั่นตรวจสอบสภาพแอร์ อย่างการล้างแอร์เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็สามารถช่วยให้แอร์กลับมาทำงานได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้แอร์ในพื้นที่เปิด นอกจากแอร์จะไม่ค่อยเย็นแล้ว ยังทำให้แอร์ต้องทำงานหนักกว่าปกติและค่าไฟเพิ่มขึ้นอีกด้วย ก่อนเปิดแอร์จึงควรปิดประตูปิดหน้าต่างให้สนิทก่อน นี่คือเหตุผลสำคัญในการเลือกค่า BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง รวมถึงหลีกเลี่ยงการนำของร้อนหรือของชื้นเข้าห้องแอร์ เนื่องจากจะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น เพราะแอร์ต้องลดอุณหภูมิความร้อนที่เพิ่มขึ้นในห้องและกำจัดความชื้นภายในห้องด้วย

เคลียร์ตู้เย็น

เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเสียบปลั๊กทิ้งไว้ตลอดเวลา และคอมเพรสเซอร์ที่ทำงานตลอดเวลาก็เป็นตัวกินไฟชั้นดีอีกต่างหาก ดังนั้น เราจึงควรทำความสะอาดและจัดระเบียบสิ่งของที่อยู่ในตู้เย็นเสียบ้าง เพราะตู้เย็นที่มีของอยู่มากเกินไปแถมยังสกปรกอีก จะทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก กินไฟมากขึ้น ค่าไฟก็พุ่งตาม นอกจากนี้ควรตรวจสอบรอยรั่วที่ขอบยางของตู้เย็น หากเสื่อมสภาพให้รีบเปลี่ยนทันที ขอบยางที่ใช้งานได้ไม่ดี ตู้เย็นปิดไม่สนิทจะทำให้ความเย็นรั่วไหลออกมา เครื่องก็ต้องทำความเย็นเพิ่มขึ้นตลอดเวลา มอเตอร์จึงทำงานหนักและกินไฟ

วิธีประหยัดไฟตู้เย็น ง่าย ๆ คือ อย่าใส่ของจนอัดแน่นเต็มตู้เย็น อะไรที่ทิ้งได้ก็ทิ้ง ยังกินได้ก็รีบเก็บกิน การนำของอุณหภูมิสูงเข้าตู้เย็นก็เปลืองไฟเช่นกัน เพราะตู้เย็นต้องทำงานหนักในการปรับอุณหภูมิให้เย็นลง การแช่เครื่องดื่ม ควรแช่ไม่เกิน 5 ขวด พร้อมทั้งตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม ช่องธรรมดาให้อยู่ที่ 3-6 องศาเซลเซียส ส่วนช่องแช่แข็งให้อยู่ที่ -18 ถึง -15 องศาเซลเซียส ที่สำคัญ ใส่ใจเรื่องตำแหน่งการตั้งตู้เย็นด้วย ตั้งให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น

การเลือกใช้หลอดไฟภายในบ้าน

เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากขนาดนี้ทำให้อยู่ไม่ได้ถ้าไม่เปิดแอร์ ซึ่งปกติในช่วงเวลากลางวันเราอาจจะเปิดประตู เปิดกระจก เปิดผ้าม่านเพื่อใช้แสงสว่างจากธรรมชาติในการทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่เมื่อเราจะเปิดแอร์ เราจำเป็นต้องปิดม่าน ปิดหน้าต่าง ปิดประตูให้สนิทเพื่อไม่ให้ความเย็นรั่วไหล ในห้องจึงอาจจะมืดมากจนทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องเปิดไฟ หากเกิดกรณีเช่นนี้ การเลือกใช้หลอดไฟ LED จะช่วยให้เราประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดธรรมดา จริงอยู่ว่าหลอดไฟ LED จะมีราคาสูงกว่า แต่ในระยะยาวก็ถือว่าคุ้มกว่า ที่สำคัญยังให้ความสว่างมากกว่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ไม่ใช้อะไรก็ถอดปลั๊กออกซะ

เป็นเรื่องที่รณรงค์กันมานานมากแล้วว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานให้ถอดปลั๊กออกซะ! ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย แม้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราซื้อมาจะเป็นแบบประหยัดไฟดีที่สุด แต่การไม่เสียบปลั๊กทิ้งไว้ก็ช่วยได้มากกว่า ไม่ใช่แค่ปิดสวิตช์ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจากการเสียบปลั๊กค้างไว้ทำให้ยังมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ในตัวเครื่องเพื่อให้พร้อมใช้งานตลอดเวลานั่นเอง ตัดวงจรมันไปเลยก็จะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากกว่าแถมยังช่วยเรื่องความปลอดภัยจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจรด้วย ดังนั้น เราควรปิดสวิตช์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงาน

ในช่วงนี้หลาย ๆ คนยังคงทำงานแบบ Work from Home นั่นหมายความว่าเราต้องอยู่บ้านทั้งวัน ต้องเปิดแอร์ เปิดไฟ แถมยังต้องใช้งานพวกเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่างหาก จัดเต็มขนาดนี้ ถ้าค่าไฟจะขึ้นในช่วงที่ทำงานที่บ้านก็คงไม่แปลก เพราะฉะนั้น คงจะดีกว่าถ้าเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้เราประหยัดไฟได้มากขึ้น อย่างการตั้งเวลาในการทำงาน เพื่อให้ช่วงเวลาในการใช้ไฟฟ้าชัดเจนเหมือนอยู่ที่ทำงาน เวลาที่จะเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ถึงเวลาพัก ไฟดวงไหนที่ไม่ใช้ก็ปิด คอมพิวเตอร์ก็ตั้งค่าให้อยู่ในโหมดพักเพื่อประหยัดไฟ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หากงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ปิดและถอดปลั๊กออกให้หมด

ดับร้อนในตัวเอง

เอาเข้าจริง ทุกวิธีที่ว่ามาข้างต้นล้วนเป็นวิธีที่เน้นไปที่การใช้งานพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เราเองก็ควรจัดการดับร้อนที่ตัวเองด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหวังพึ่งแอร์มากจนเกินไป การทำงานอยู่ที่บ้านก็เน้นแต่งกายให้สบายตัวเข้าไว้ เอาที่ระบายความร้อนได้ดี จะสายเดี่ยว แขนกุด ขาสั้น ก็ไม่มีใครว่า เน้นเสื้อผ้าสีโทนอ่อน เพราะดูดซับความร้อนได้น้อยกว่าเสื้อผ้าสีเข้ม หากร้อนมากจนเหนียวตัวทนไม่ไหวก็ไปอาบน้ำประแป้งใหม่ สดชื่นกว่าเดิมเยอะ มีเครื่องดื่มหรือของหวานเย็น ๆ กินเพื่อดับร้อน ก็ช่วยให้เย็นขึ้นทั้งกายและใจ เพิ่มน้ำตาลในเลือด ทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น น่าจะลดช่วงเวลาเปิดแอร์ใช้งานไปได้พักใหญ่ ๆ เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook