ไม่ต้องอดของหวานก็ลดน้ำหนักได้! ด้วยการรับประทานตอนบ่าย 3 โมง

ไม่ต้องอดของหวานก็ลดน้ำหนักได้! ด้วยการรับประทานตอนบ่าย 3 โมง

ไม่ต้องอดของหวานก็ลดน้ำหนักได้! ด้วยการรับประทานตอนบ่าย 3 โมง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนจำนวนมากมักจะเปรยว่าต้องการลดน้ำหนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรับประทานของหวาน ซึ่งทำให้รู้สึกไม่มีความสุขกับการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ดี มีข่าวดีจากคุณหมอญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาในการลดน้ำหนักว่า แม้จะอยู่ในช่วงการลดน้ำหนักแต่การรับประทานขนมหวานในช่วงบ่าย 3 ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และอาจช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย มารู้กันว่าทำไมการรับประทานขนมหวานตอนบ่าย 3 โมงจึงเป็นมิตรต่อผู้ที่กำลังลดน้ำหนักและวิธีการรับประทานขนมหวานเพื่อช่วยให้น้ำหนักลดลงกันค่ะ

ทำไมการรับประทานของหวานในช่วงบ่าย 3 โมงไม่ทำให้อ้วน

ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าของหวานคือศัตรูของการลดน้ำหนัก แต่คุณหมอชาวญี่ปุ่นแนะนำให้รับประทานของหวานในเวลาช่วงบ่าย 3 โมงด้วยเหตุผลว่า โดยปกติคนเรามีระบบนาฬิกาทางชีวภาพที่ทำให้เราตื่นนอนในตอนเช้าและทำให้ระบบสมองและร่างกายตื่นตัวเพื่อทำงานและเรียนหนังสือ และเมื่อถึงเวลากลางคืนคนเราจะรู้สึกเหนื่อยและเข้านอนเพื่อพักผ่อน ช่วงเวลาบ่าย 3 โมง เป็นช่วงเวลาใน 1 วันที่ร่างกายสะสมไขมันจากอาหารได้ยากที่สุด เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ามีโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบนาฬิกาชีวภาพ ซึ่งคือโปรตีนที่ทำให้อ้วนหรือ BMAL1 โปรตีนชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินไปเป็นไขมันและกดการสลายของไขมันในร่างกายไปเป็นพลังงาน กิจกรรมการทำงานของโปรตีนชนิดนี้จะลดลงในช่วงเวลากลางวันตั้งแต่ 10-16 นาฬิกา โดยในเวลาประมาณบ่าย 3 โมงร่างกายจะสร้างโปรตีนได้น้อยที่สุดซึ่งทำให้เป็นช่วงเวลาที่แม้จะรับประทานของหวานเข้าไปก็ไม่ทำให้อ้วน อย่างไรก็ตาม โปรตีน BMAL1 นี้จะถูกสร้างมากขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หากรับประทานอาหารเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายและทำให้อ้วนได้ง่าย

การรับประทานของว่างตอนบ่าย 3 โมงจะช่วยป้องกันการกินจุบจิบในตอนเย็นและช่วยสร้างความเสถียรของระดับน้ำตาลในเลือดไปจนถึงอาหารมื้อค่ำ ส่งผลในการลดปริมาณอาหารมื้อค่ำไปได้ตามธรรมชาติ


กฎการรับประทานของว่างตอนบ่าย 3 โมง

รับประทานของว่างให้มีความสุขโดยไม่รู้สึกผิด
คนที่อยู่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักมักรู้สึกผิดที่รับประทานของหวาน แต่ความรู้สึกผิดจะทำให้รู้สึกเครียด ดังนั้นเมื่อจะรับประทานของหวานให้ลืมว่าของหวานคือศัตรูของการลดน้ำหนักไปชั่วครู่ แต่ให้มีความสุขกับกลิ่นหอมและรสชาติหวานอร่อยของของหวานซึ่งจะทำให้รู้สึกว่ามีความสุข เมื่อมีความสุขร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขคือ เซโรโทนิน  (Serotonin) ออกมามากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการรับประทานอาหารที่มากขึ้นในมื้อเย็นเนื่องจากความเครียดได้

รับประทานของหวานพร้อมกับดื่มชาหรือกาแฟ
กาแฟอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่เรียกว่ากรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic acid) ซึ่งจะช่วยกดไม่ให้มีการสะสมของไขมันในร่างกาย หากดื่มกาแฟไม่ได้ก็สามารถดื่มชาเขียวซึ่งอุดมไปด้วยสารคาเทชินที่ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายและป้องกันการพุ่งขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุให้อ้วนได้ง่าย ทั้งนี้ไม่ควรเติมนมและน้ำตาลลงในทั้งกาแฟและชาเขียว


ของหวานคือรางวัลในชีวิตของคนทำงาน เมื่อรู้สึกว่ายังขาดของหวานไม่ได้แต่อยากลดน้ำหนักก็ลองเปลี่ยนเวลาการรับประทานของหวานเป็นช่วงเวลาบ่าย 3 โมงดูค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook