ผ่าคลอดแบบดมยาสลบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร? คุณแม่มือใหม่ต้องรู้
การผ่าคลอดมีหลายวิธี ก่อนผ่าคลอดแพทย์จะทำการปรึกษากับคุณแม่ และหาวิธีที่เหมาะสม และดีที่สุดให้กับคุณแม่ เพื่อลดความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ การผ่าคลอดแบบดมยาสลบ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยลดความกังวลให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ การผ่าคลอดแบบดมยาสลบ มีข้อดี และข้อเสียอย่างไรบ้าง เรามาดูกันดีกว่า
ผ่าคลอดแบบดมยาสลบ คืออะไร?
การผ่าคลอดแบบดมยาสลบคือ เป็นการผ่าคลอด โดยการดมยาสลบในรูปแบบก๊าซผ่านหน้ากากครอบ ขณะที่ทำการผ่าคลอด คุณแม่จะไม่รู้สึกตัว จนกว่ายาจะหมดฤทธิ์ ซึ่งก่อนจะทำการดมยาพยาบาลจะทำการติดเครื่องวัดสัญญาณชีพ มีการวัดความดันโลหิต วัดคลื่นหัวใจ และวัดออกซิเจนในเลือด จากนั้นก็จะนำออกซิเจนมาให้คนไข้ดม และจะฉีดยาเข้าทางสายน้ำเกลือ ซึ่งระหว่างที่คุณแม่ดมยาสลบจะไม่สามารถหายใจได้ ทำให้คุณหมอจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจด้วย ระหว่างที่ผ่าคลอด คุณแม่จะไม่รู้สึกตัว และจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อพยาบาลปลุกหลังผ่าคลอดเสร็จ
ข้อดีของการผ่าคลอดแบบดมยาสลบ
- คุณแม่จะไม่เกิดความกังวลระหว่างผ่าคลอด เพราะการผ่าคลอดเป็นวิธีที่แพทย์ได้ทำการควบคุมอยู่ในความดูแลของแพทย์ คุณแม่จึงหมดความกังวล และเรื่องความเจ็บปวดได้เลย
- แพทย์สามารถควบคุมความดันโลหิตของคนไข้ได้ เพราะการผ่าตัดแบบดมยาสลบนั้นแพทย์จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สามารถควบคุมระบบการหายใจ และระบบความดันของคุณแม่ให้ปกติตลอดการผ่าคลอด
- สามารถผ่าคลอดได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน และเหมาะกับการคลอดในภาวะเร่งด่วน
ข้อเสียของการผ่าคลอดแบบดมยาสลบ
- อาจเกิดภาวะผลข้างเคียงหลังจากการใช้ยาสลบเช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการหลังจากใช้ยาสลบ อาการนี้จะเกิดสักพัก หลังจากพักฟื้นตัว
- ปวดแผลจากการผ่าคลอด แน่นอนว่าตอนคลอดแบบดมยาสลบ คุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว จะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลมากกว่าการผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง แต่สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
- ความเสี่ยงต่อการใส่ท่อช่วยหายใจยาก เพราะระหว่างที่ดมยาสลบ จำเป็นจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
- เสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดออกซิเจน หรือออกซิเจนต่ำ
การผ่าตัดแบบดมยาสลบ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการผ่าตัดคลอดสำหรับคุณแม่ที่ไม่อยากคลอดแบบธรรมชาติ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการคลอด แต่หากในกรณีที่จำเป็นที่จะต้องผ่าคลอด วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว