ครั้งแรกในไทย Cartier Beautes du Monde ยลโฉมไฮจิวเวลรี เปิดให้ชมวันเดียวเท่านั้น

ครั้งแรกในไทย Cartier Beautes du Monde ยลโฉมไฮจิวเวลรี เปิดให้ชมวันเดียวเท่านั้น

ครั้งแรกในไทย Cartier Beautes du Monde ยลโฉมไฮจิวเวลรี เปิดให้ชมวันเดียวเท่านั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอาใจคนชอบเครื่องประดับ! คาร์เทียร์ (Cartier) สร้างปรากฏการณ์โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทยกับคอลเลคชั่น Beautés du Monde จัดแสดงจิวเวลรีและเรือนเวลากว่า 300 ชิ้น หลังจากเผยโฉมมาแล้วที่มาดริด และเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ไฮจิวเวลรีระดับตำนานของคาร์เทียร์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความหรูหราสง่างามและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแสดงถึงฝีมืออันวิจิตรเปี่ยมล้นด้วยเรื่องราว ความชำนาญ และคุณค่าผ่านประวัติศาสตร์อันมากมาย ที่ก้าวข้ามกาลเวลาด้วยความปราณีตบรรจงตลอดกาล โดยงานนี้จะเปิดให้ประชาชนผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 เพียงวันเดียวเท่านั้น ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://register.beautesdumonde.cartier.com

 

Beautés du Monde คอลเลคชั่น รังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจในการเฝ้าสังเกตและชื่นชมความงดงามของโลกใบนี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ผ่านการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของคาร์เทียร์ในการดีไซน์อันสง่างาม รวมไปถึงการจับคู่ผสมผสานระหว่างอัญมณีเลอค่า ที่ขับเน้นองค์ประกอบของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับไฮจิวเวลรีที่นำมาโชว์เคสในครั้งนี้มาจากหลายหลายคอลเลคชั่นกว่า 300 ชิ้นที่มีความล้ำค่าเหนือกาลเวลา

SAMBHAL (ซอมบาล คอลเลคชั่น)

 

ทุตตี้ ฟรุตตี้ (Tutti Frutti) คือสัญลักษณ์ที่อยู่คู่คาร์เทียร์มาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ในปี 1920 ด้วยการจัดวางองค์ประกอบที่ดูสนุก ร่าเริงสดใสเบิกบานและน่ารับประทานไปพร้อมกัน และยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องอยู่เสมอ ผ่านการตีความใหม่ ดังเช่นสร้อยคอเส้นนี้ ที่เมซงจินตนาการออกมาเป็นสไตล์ Peter Pan Collar (ปกเสื้อปีเตอร์แพน หรือที่คนไทยเรียกว่า ปกบัว) ที่งดงามประณีต

IWANA (สร้อยคออิวาน่า)

 

คาร์เทียร์ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สร้อยคออิวาน่าจากผิวสัมผัสและมิติของผิวหนังอีกัวน่า เพื่อเผยความงดงามของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ผ่านสร้อยคอประดับเพชรประกายระยิบและมรกตแวววาวระยับตา ทุกสิ่งถูกจัดวางอยู่บนตัวเรือนอันแยบยลแฝงความละมุนและนุ่มนวล ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนลักษณะการเคลื่อนไหวขยับเขยื้อนอย่างช้าๆ ของอีกัวน่า คาร์เทียร์เน้นผิวสัมผัสให้ชัดเจนขึ้นด้วยการใช้เทคนิคการขึ้นตัวเรือนด้วยการต่อส่วนประกอบทรงสามเหลี่ยมฝังเพชรแต่ละชิ้นสลับไปมาแบบเรขาคณิต โดยเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้ให้เป็นฐานรองรับมรกตโคลัมเบียสุดตระการตาขนาด 43.45 กะรัต ที่ออกแบบตามสัญลักษณ์แห่งความเชี่ยวชาญและสไตล์ของคาร์เทียร์ให้เป็นทรงพีระมิดขอบมนที่ชวนให้นึกถึงหนามแหลมบนหลังของสิ่งมีชีวิตแสนมหัศจรรย์นี้ พร้อมเล่นกับแสงสะท้อนและโครงสร้างแบบกระจกเงา เพื่อเสาะหาเทคนิคเชิงสถาปัตยกรรมมาสร้างสรรค์มุมมองแปลกใหม่ให้กับคัมภีร์แห่งสรรพสัตว์ของเมซง

Beautés du Monde FINE JEWELRY Collection (โบเต้ ดู มงด์ ไฟน์จิวเวลรีคอลเลคชั่น)

โบเต้ ดู มงด์ ไฟน์จิวเวลรีคอลเลคชั่น 3 ชุด นี้ คาร์เทียร์ได้รังสรรค์มาเพื่ออุทิศให้กับความงดงามของโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน  


เครื่องประดับชุดแรก แสดงถึงความสนใจของคาร์เทียร์ที่มีต่อขนสัตว์และหนังของสรรพสัตว์มากว่าศตวรรษ ลวดลายของม้าลายจึงถูกนำมาตีความใหม่เพื่อประดับอยู่บนสร้อยคอในคอลเลคชั่นชุดนี้ ในส่วนของโซ่นั้น ลวดลายจะแลดูเป็นลายแฝงเชิงนามธรรมมากกว่าลายม้าลายที่เด่นชัด โดยใช้เพชร แท่งลูกปัดออนิกซ์และรูเบลไลต์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสไตล์ของคาร์เทียร์มามากกว่าศตวรรษ รังสรรค์ออกมาเป็นโครงสร้างพร้อมทั้งช่วงจังหวะที่ทรงพลังให้กับองค์ประกอบต่างๆ และเพื่อรักษาประเพณีดั้งเดิมของคาร์เทียร์ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับที่สามารถแยกส่วนประกอบและสวมใส่ได้หลายแบบ สร้อยเส้นนี้จึงสามารถสวมใส่เป็นกำไลเส้นคู่หรือเป็นสร้อยติดคอแบบโชกเกอร์ได้ 

เครื่องประดับชุดที่สอง คาร์เทียร์ตระหนักรู้ถึงพลังแห่งความสวยงามของธรรมชาติแม้เพียงรายละเอียดที่เล็กที่สุด จึงได้นำเอาความสามารถนั้นมานำเสนอเป็นผลงานสร้างสรรค์มากมาย และในที่นี้เมซงได้นำแรงบันดาลใจจากต้นปาล์มซึ่งเคยถูกนำมาใช้ในการออกแบบเข็มกลัดทับทิมเมื่อปี 1957 โดยการนำโครงสร้างของลำต้นมาทอดยาวเป็นสายสร้อย คั่นช่วงด้วยลูกปัดรูเบลไลต์แทนผลปาล์มสีแดงก่ำและเรียงร้อยด้วยองค์ประกอบเดิมซ้ำไปจนรอบเส้น เพื่อมอบโครงสร้างเชิงกราฟิกให้กับสร้อยคอเส้นนี้ พร้อมสีสันที่ตัดกันอย่างสีแดงและสีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์ ออนิกซ์สีดำวาวช่วยเน้นลายให้ชัดเจน ผสานมิติลุ่มลึกให้สร้อยคอเส้นนี้ยิ่งแลดูทรงพลัง

เครื่องประดับชุดที่สาม คาร์เทียร์ได้นำอีกลวดลายจากธรรมชาติบนตัวผีเสื้อมาตีความใหม่ โดยให้ความสำคัญกับปีกของผีเสื้อ ซึ่งถ้าเพ่งมองในระยะใกล้แล้วจะเห็นโครงสร้างของลวดลายที่สวยงามแปลกตาราวกับผลงานศิลปะเชิงนามธรรม โดยการออกแบบนั้นเล่นกับความเป็นไปได้ที่ หนึ่งลวดลายจะสามารถสรรสร้างได้ โดยใช้ชุดสีที่คาร์เทียร์เลือกใช้มามากกว่าศตวรรษ ได้แก่ ออนิกซ์สีดำขลับและรูเบลไลต์สีแดงก่ำ เพื่อรักษาสมดุลและเสริมมิติให้กับภาพรวมของทุกชิ้นงาน ทั้งสองสีล้วนมอบจังหวะให้กับท่วงทำนองแห่งดีไซน์ พร้อมเผยความโดดเด่นเชิงกราฟิกอีกด้วย

NOPAL (โนปาล คอลเลคชั่น)

 

สร้อยคอน้ำหนัก 102.17 กะรัต Cat’s eye Rubellite แหวน น้ำหนัก 44.08 กะรัต Cat’s eye Rubellite 

PANDANA (ปองดานา คอลเลคชั่น)

ความงามในคอลเลคชั่นนี้ คาร์เทียร์ได้รังสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากรูปทรงและสีสันสดใสของผลไม้ต่างแดน

NISHIN (นิชิน คอลเลคชั่น)


สร้อยคอคอลเลคชั่นนี้ นำเสนอดีไซน์อันวิจิตรในรูปแบบนามธรรมความเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านกิโมโนรูปตัวที (T) ทรงยาว เน้นองค์ประกอบสีของของอัญมณีให้สดใสเหมือนสีสันฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านกาลเวลามาบ่อยครั้ง การออกแบบมีโครงสร้างโดยรอบเป็นทรงยาวของจี้ที่เน้นแซฟไฟร์สี่สี


POROCA (ปูฮูกจาร์ คอลเลคชั่น)

 

คาร์เทียร์รังสรรค์สร้อยคอคอลเลคชั่นนี้ให้เหมือนทิวคลื่นที่ถูกกระตุ้นให้มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสีน้ำเงินเข้มของไพลินจากเกาะซีลอน (ศรีลังกา) น้ำหนัก 36.67 กะรัต

 

ENIVRE (อองนีฟ คอลเลคชั่น)

สร้อยเส้นนี้คาร์เทียร์ได้ออกแบบให้เป็นเหมือนสถาปัตยกรรมแห่งแสงที่ส่องกระทบสะกดสายตาระยิบระยับจับตาที่น่าหลงใหลชวนมอง รวมถึงองค์ประกอบรูปทรงที่ทำให้เรียวเพชรทรงเหลี่ยมและทรงเหลี่ยมแบบเกลี้ยง ในโครงสร้างทรงเรขาคณิตที่บ่งบอกถึงดีไซน์ที่ดูสูงยาวเพรียว จินตนาการได้ถึงเส้นขอบฟ้าของมหานครอันรุ่งโรจน์

 

RAYUELA (ฮายูเอลา คอลเลคชั่น)

คอลเลคชั่นนี้ คาร์เทียร์รังสรรค์การออกแบบด้วยมรกตจากโคลัมเบียให้เป็นรูปทรงมรกตห้าเหลี่ยม น้ำหนัก 6.84 กะรัต


นอกเหนือจากความงดงามของไฮจิวเวลรีที่ล้ำค่าแล้ว การออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อเนรมิต Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition นับเป็นการสร้างประสบการณ์เหนือระดับ ครั้งแรกของเมืองไทยที่จะได้ยลโฉมการดีไซน์อันน่าทึ่ง จากการออกแบบโดย Jaime Hayon ดีไซเนอร์ชาวสเปน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักออกแบบผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้ร่วมเป็นประจักษ์พยานการเผยโฉมห้อง Thai Patrimony ซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา นักเล่าเรื่องผ่านงานดีไซน์และศิลปะชาวไทย เรียกได้ว่างานนี้คาร์เทียร์ได้ผสมผสานการออกแบบสถานที่โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกจากสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์ที่หาชมได้ยาก เก็บเป็นภาพความทรงจำสุดประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต

Beautés du Monde Bangkok Exhibition ประกอบไปด้วย 5 ห้องหลัก คือ Lounge, Introduction room, Patrimony room, Exhibition room และ Private Viewing room

ผู้ที่เข้ามาเยือน Beautés du Monde Bangkok Exhibition จะได้สัมผัสประสบการณ์จากห้องต่างๆ โดยห้องแรก จะเป็น Lounge ไว้คอยต้อนรับ หลังจากนั้นจะผ่านไปที่ห้อง Introduction room จะเป็นห้องที่บอกเล่าเรื่องราวคอนเซ็ปต์และการเดินทางของคอลเลคชั่นนี้ หลังจากนั้นจะเป็นห้อง Thai Patrimony room เป็นห้องจัดแสดงคาร์เทียร์ คอลเลคชั่นทั้งหมด ออกแบบโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา ส่วนห้องถัดไปจะเป็นห้อง Exhibition room ที่จัดแสดงไฮไลท์ไฮจิวเวลรีชิ้นสำคัญ จากการออกแบบโดย Jaime Hayon ส่วนห้องสุดท้าย เป็นห้อง Private Viewing room สำหรับพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการทดลองสวมใส่

ห้อง Exhibition room จะแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ตกแต่งอย่างงดงามภายใต้ 3 คอนเซ็ปต์ World Wildlife, Mineral World และ Cultural World ในงาน Beautés du Monde Bangkok Exhibition ที่ออกแบบโดย Jaime Hayon


·     World Wildlife: เป็นห้องที่คาร์เทียร์ได้โชว์ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิงห์สาราสัตว์ ในการทำเครื่องประดับเป็นสัตว์ต่างๆ ที่มีกายวิภาคเหมือนจริง ให้ความรู้สึกเหมือนมีชีวิต ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในโลกใบนี้เป็นส่วนหนี่งของประวัติศาสตร์ของเมซงเสมอมา โดยมีพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์นานาชนิดเป็นหัวใจหลักของแรงบันดาลใจทั้งในเชิงรูปลักษณ์ (Figurative) และทำให้เกินจริง (Stylised) ความปรารถนาแห่งความงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์นั้นถูกพัฒนาตามกาลเวลา ผ่านเทคนิคที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์การสร้างสรรค์ของเมซงในขณะนั้น โดยเมซงได้ใช้เทคนิคโบราณอันซับซ้อนผสานนวัตกรรมสมัยใหม่ซึ่งเหล่าช่างฝีมือชั้นครูของคาร์เทียร์ ต่างได้ผ่านการฝึกฝนจนชำนาญแล้ว


·     Mineral World: ห้องนี้บ่งบอกให้รับรู้ว่า คาร์เทียร์ไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงการทำเครื่องประดับเพชร แต่เชี่ยวชาญด้านการทำอัญมณีด้วยซึ่งเป็นอีกระดับของการทำเครื่องประดับไฮจิวเวลรี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคาร์เทียร์เชี่ยวชาญทั้งการสรรหาวัตถุดิบเลอค่าจากทั่วโลกบวกกับความเชี่ยวชาญในการผลิตแต่ละชิ้นงาน



·     Cultural World: ห้องนี้มีความชัดเจนภายใต้แนวคิดที่คาร์เทียร์นั้นมองเห็นความงดงามของโลกใบนี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดและนั่นคือเจตนารมณ์ที่สืบต่อจากหลุยส์ คาร์เทียร์, ปิแอร์ คาร์เทียร์และฌาค คาร์เทียร์ หรือที่รู้จักกันในนาม “สามพี่น้องแห่งคาร์เทียร์” ผู้ซึ่งได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลกพร้อมเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจมารังสรรค์เครื่องประดับใหม่ๆ พร้อมบรรจงแต่งแต้มสัมผัสแห่งศิลป์และองค์ความรู้ที่ได้สั่งสมมา คาร์เทียร์มองเห็นความงดงามของโลกใบนี้ พร้อมที่จะรักษาไว้ซึ่งความงามนั้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือเชิดชูความงามต่อไป นี่คือความหลงใหลที่ไม่เคยเสื่อมคลายและยังเป็นปรัชญาที่หล่อเลี้ยงคาร์เทียร์เสมอมา Beautés du Monde คือ คอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูงหรือไฮจิวเวลรีที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจเพื่อเป็นเหมือนดั่งมรดกในการชื่นชมความงดงามอันหลากหลายของโลกใบนี้ของคาร์เทียร์

ห้อง Thai Patrimony ในงาน Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition รังสรรค์ขึ้นโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา



·     ห้อง Thai Patrimony: เป็นห้องที่จัดแสดงเฉพาะคาร์เทียร์คอลเลคชั่นเท่านั้น โดยออกแบบห้องให้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวความเป็นมาของคาร์เทียร์รวมถึงคอลเลคชั่นต่างๆ ผ่านเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยใช้สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยอันน่าภาคภูมิใจ เป็นจุดเชื่อมโยงความเข้าใจกับผู้คนภายในงาน ใน 3 โซน ด้วยกัน คือ โซน โลตัส (Lotus-ดอกบัว), โซน แดนซ์ (Dance-การร่ายรำ) และโซน สถาปัตยกรรม (Architecture) เพื่อส่งต่อเรื่องราวของคาร์เทียร์ที่มีมรดกยาวนานถึง 176 ปี จาก 3 พี่น้องคาร์เทียร์ที่สามารถมองเห็นความงามได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ความอัศจรรย์ใจที่เกิดขึ้นขณะเดินทางไปทั่วโลก และได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งจินตนาการการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร 

ในแต่ละโซนดังกล่าวได้จัดวางคาร์เทียร์คอลเลคชั่นต่างๆ กับงานศิลปะไว้อย่างมีความหมายและลงตัว ไม่ว่าจะเป็น คอลเลคชั่นคาร์เทียร์, อัญมณี, การผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับล้ำค่าที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ รวมถึงเรื่องราวมรดกคาร์เทียร์ชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปถึงปี 1860 และชิ้นล่าสุดคือปลายศตวรรษที่ 20 โดยคอลเลคชั่นของคาร์เทียร์มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 ชิ้น โดยบางชิ้นคาร์เทียร์ได้ประมูลกลับคืนมาแต่ไม่ใช่เพื่อนำมาเพื่อการค้า แต่เพื่อนำมาเป็นมรดกสืบทอดทางวัฒนธรรมและมรดกที่พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกได้ยืมไปจัดแสดงผ่านเรื่องราวสำคัญต่างๆ


Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition ปรากฏการณ์โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย ที่รอให้ทุกคนมาร่วมแบ่งปันจินตนาการและผจญภัยไปในเส้นทางของตนเอง เพื่อเก็บเกี่ยวความงดงามของโลกใบนี้ผ่านสเปกตรัมแห่งแสงสี รูปทรงต่างๆ และวัสดุนานาชนิด ที่เรียกความทรงจำให้กลับมาสร้างแรงบันดาลใจและพาให้เคลิ้มไปกับจินตนาการอันเลอค่าเหล่านั้น...ครั้งหนึ่งในชีวิตกับคาร์เทียร์

สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://register.beautesdumonde.cartier.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook