เรื่องราวชุดครุย ชุดแต่งงาน "ปอย ตรีชฎา" ความอลังการบอกฐานะ ที่ทุกคนรอชม

เรื่องราวชุดครุย ชุดแต่งงาน "ปอย ตรีชฎา" ความอลังการบอกฐานะ ที่ทุกคนรอชม

เรื่องราวชุดครุย ชุดแต่งงาน "ปอย ตรีชฎา" ความอลังการบอกฐานะ ที่ทุกคนรอชม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจาก "ปอย-ตรีชฎา หงษ์หยก" ออกมาเปิดเผยว่าจะแต่งงานกับ "โอ๊ค-ภควา หงษ์หยก" หรือโอ๊ค บรรลุ แฟนหนุ่มนักธุรกิจชาวภูเก็ต ทุกคนต่างเฝ้ารอจะเห็นภาพความสวยงาม และบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นของทั้งคู่ ซึ่งเป็นการจัดพิธีแต่งงานแบบโบราณตามแบบฉบับของคนภูเก็ต โดยพิธีแต่งงานนี้จะมีขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่จะถึงนี้ นอกจากบรรยากาศภาพในวันพิธีที่ทุกคนเฝ้ารอแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนโฟกัส และถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือ "ชุดแต่งงานของปอย ตรีชฎา" เจ้าสาวคนสวย เนื่องจากเป็นพิธีแต่งงานแบบโบราณตามพื้นถิ่นคนภูเก็ต ดังนั้นชุดแต่งงานของปอยจึงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราได้รวบรวมเรื่องราวชุดแต่งงานปอย หรือชุดครุยมาให้ทุกคนได้รู้จักเกี่ยวกับชุดครุยนี้มากขึ้น

ชุดแต่งงานปอย ตรีชฎา

ชุดครุย ชุดที่ใช้ในโอกาสพิเศษ

ชุดครุย หรือชุดเกล้ามวยใหญ่ เป็นการเป็นแต่งกายของผู้หญิงภูเก็ตในสมัยโบราณตามวัฒนธรรมบาบ๋า หรือวัฒนธรรมของชนลูกผสมที่มีพ่อเป็นคนจีนอพยพ แม่เป็นคนพื้นถิ่น เช่นไทยหรือแขก การแต่งกายชุดครุยเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายและเห็นมากในเกาะปีนังเมืองมะละกาของมาเลเซีย และเกาะภูเก็ตของไทย อาจเป็นการยากที่จะระบุว่าการแต่งกายเช่นนี้มีต้นกำเนิดจากฝั่งใดอย่างชัดเจน การแต่งกายเช่นนี้เคยมีให้เห็นในช่วงกว่า 100 ปีก่อน และขาดหายไปในช่วง 50-60 ปีที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ชุดครุยได้ถูกนำกลับมาแต่งกันอีกครั้งพร้อมๆความตื่นตัวทางวัฒนธรรมของชาวภูเก็ต

ตั้งแต่อดีต ชุดครุยเป็นชุดแต่งกายเต็มยศของผู้หญิงที่จะสวมใส่ในโอกาสพิเศษ โดยเฉพาะงานแต่งงาน ซึ่งในอดีตการแต่งกายของผู้หญิงเพื่อจะออกนอกบ้านแต่ละครั้งต้องเต็มยศ แสดงถึงฐานะ และความมั่งมี

เนื่องจากชุดครุยเป็นชุดเจ้าสาวของผู้หญิงในยุคก่อนที่จะมี "ชุดบุ่นเบ๋ง"หรือชุดแต่งงานเป็นกระโปรงขาวอย่างสากล อีกทั้งในยุคที่เริ่มมีร้านถ่ายรูป ผู้หญิงส่วนใหญ่จะนิยมสวมชุดครุยเต็มยศไปให้ช่างภาพถ่ายภาพเก็บไว้
เป็นที่ระลึก เพื่อแขวนติดบ้าน หรือเป็นรูปในงานพิธีศพเมื่อเสียชีวิต

ชุดแต่งงานปอย ตรีชฎาลายปักชุดครุยปอย ตรีชฎา

ชุดครุยจะประกอบด้วยเสื้อตัวใน เป็นเสื้อคอตั้งแขนจีบ หรือที่เรียกว่า "เสื้อมือจีบ" เป็นเสื้อตัวสั้น คอตั้ง ปลายแขนเสื้อจับจีบ ตัวเสื้อผ่าหน้า กระดุม 5 เม็ด เป็นกระดุมกิมตู้น ซึ่งเป็นเหรียญต่างชาติ ที่คนโบราณนำมาเชื่อมห่วงเล็กฟทำเป็นกระดุม เวลาสวมเสื้อจึงใส่กระดุม และเอาเข็มกลัดร้อยกับห่วงยึดไว้ข้างหลังเมื่อถอดเสื้อก็ปลดกระดุมออกเก็บ ความคิดนำเหรียญทองมาทำกระดุมนั้นอาจเป็นเพราะในอดีตยังไม่มีการผลิตกระดุมขาย หรือเพราะเหรียญเหล่านี้มีค่าควรนำมาเป็นเครื่องประดับก็ไม่อาจทราบได้ แต่นับเป็นความช่างคิดของคนสมัยก่อน กิมตู้นนี้นอกจากนำมาทำกระดุมแล้ว ยังนำมาทำจี้ห้อยคอ หรือร้อยเป็นเข็มขัดได้อีกด้วย

เสื้อตัวในมักตัดเย็บด้วยผ้าป่าน ผ้ารูเปีย ผ้าลินิน หรือผ้าลูกไม้แบบทึบซึ่งเนื้อหาดอกแน่น บ้างอาจต่อชายเสื้อหรือแขนเสื้อด้วยลูกไม้บ้าง ปักฉลุหรือปักชก ให้ดูดีขึ้น มีมักเป็นสีอ่อนเช่นขาว ชมพู ฟ้าอ่อน เสื้อในตัวนี้
ปกติจะเป็นเสื้อสวมอยู่บ้านของผู้หญิงภูเก็ตในอดีต หรือออกไปไหนใกล้ๆ ไปธุระไม่สำคัญ เมื่อจะออกนอกบ้านหรือไปงานสำคัญจึงสวมเสื้อครุยทับอีกทีหนึ่ง

ชุดแต่งงานปอย ตรีชฎารองเท้าบาบ๋า

เสื้อครุยที่คลุมข้างนอกนั้นเป็นเสื้อตัวยาวเลยเข่า แขนยาว ผ่าหน้าไม่มีกระดุม แต่จะใช้ "โกสัง" กลัดยึดเสื้อ โกสัง หรือกอสังเป็นเครื่องประดับมี 3 ชิ้น ชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น ชิ้นเล็ก 2 ชิ้น ชิ้นใหญ่กลัดบนสุดติดคอเสื้อชิ้นเล็กกลัดเรียงลงมา โกสังมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจที่คว่ำลงอาจเป็นทองเงิน นาก หรือประดับอัญมณีมีค่าแล้วแต่ราคา เนื้อผ้าและสีของเสื้อครุยนั้นสามารถบ่งบอกโอกาสในการสวมใส่ได้ หากเป็นชุดเจ้าสาวจะเป็นเสื้อครุยเนื้อ
ผ้าแพร หรือผ้าต่วน และมักเป็นสีชมพูอ่อน ชมพูบานเย็น หรือแดง ดูแวววาวสวยงามโดดเด่น หากเจ้าสาวเป็นลูกสาวคหบดี หรือแต่งงานกับตระกูลร่ำรวย เสื้อครุยอาจปักหรือติดเลื่อมอย่างวิจิตรงดงาม

เมื่อสวมชุดครุยแล้วทรงผมต้องเกล้ามวยชักอีโบย หรือเกล้ามวยสูง สำหรับอีโบยคือผมส่วนด้ารหลัง อีเป๋งคือผมด้านหน้า 2 ข้างที่โป่งๆ และมวยที่อยู่บนศีรษะเรียกว่ามวยหอยโข่ง ซึ่งเจ้าสาวจะครอบมวยด้วยมงกุฎดอกไม้ไหวสีทองสวยงาม อาจเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ หรือทองแท้แล้วแต่ฐานะ

 

เครื่องประดับสำหรับชุดครุย

ชุดแต่งงานปอย ตรีชฎามงกุฎดอกไม้ไหว

เครื่องประดับที่ใช้กับชุดครุยนอกจากโกสัง กระดุมกิมตู้น และครอบมวยที่บ่งบอกถึงฐานะของผู้สวมใส่แล้ว ยังมีเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ เช่นปินตั้งหรือเข็มกลัดติดอกทั้งสองข้าง รูปร่างคล้ายดอกเยอบีร่า ติดมากน้อย
ตามฐานะ สวมสร้อยทองเส้นยาว สวมแหวนสิบนิ้ว ทั้งเพชร ทองหรืออัญมณีต่างๆ ใส่ทองหูชุม หรือตุ้มหูรูปดอกพิกุล ตุ้มหูดุ้งติ้ง สวมกำไลข้อมือทอง ทั้งหมดนี้ยิ่งสวมมากยิ่งบ่งบอกถึงฐานะที่ร่ำรวย และสวมกำไล
ข้อเท้า สวมรองเท้ากำมะหยี่ปักเลื่อม ลักษณะคล้ายรองเท้าแตะเปิดหน้าเท้าไม่มีส้น เจ้าสาวอาจสวมถุงเท้าด้วย

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ เรื่องราวชุดครุย ชุดแต่งงาน "ปอย ตรีชฎา" ความอลังการบอกฐานะ ที่ทุกคนรอชม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook