"โกโก้ กกกร" มุมมองต่อบทบาท LGBTQ+ ในละคร และชีวิตที่เปลี่ยนไปเพราะธรรมะ

ภาพยนตร์ไทยสตรีเหล็กที่ออกฉายเมื่อกว่า 20 ปีก่อนสร้างชื่อให้กับนักแสดงหลายคน รวมไปถึง "โกโก้ -กกกร เบญจาธิกุล" หรือเจ๊เปียในภาพยนตร์ ปัจจุบันเธอกำลังมีผลงานละครเรื่องมาตาลดา ช่อง 3HD โดยรับบทวีนัส ผู้เลี้ยงดูนางเอกหรือมาตาลดา 

อย่างที่ทราบกันว่าไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นผลงานหน้าจอของเธอ หลังจากความโด่งดัง ชื่อเสียงที่ถาโถมเมื่อครั้งภาพยนตร์สตรีเหล็ก โกโก้หันไปทำงานเกี่ยวกับการผลิตละคร ทำโรงงานเครื่องสำอาง เป็นฟรีแลนซ์ รวมถึงสอนแต่งหน้า สอนบุคลิกภาพ ทำงานอาสา เรียกได้ว่าหลากหลายบทบาท และเพราะสาเหตุใดจึงทำให้เรามีโอกาสได้เห็นผลงานของเธออีกครั้งในรอบหลายสิบปี

เหตุผลที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เห็นผลงานมาพักใหญ่คืออะไร

จริงๆ ไม่ได้บอกว่าไม่รับงาน เพียงแต่มันเป็นเรื่องจังหวะเวลามากกว่า เพราะเราเคยทำงานประจำ และอาจจะเป็นเรื่องของละคร หรือบทที่อาจจะไม่ได้นึกถึงเรามากนัก และก็มีเด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา ก็เลยไม่ได้รับงานแสดงเท่าไร จนจังหวะได้ บทนี้เป็นบทของผู้ใหญ่ บทของความเป็นแม่ ซึ่งเป็นวัยเราพอดี ประจวบเหมาะกับน้องจ๋านึกถึงเราว่าไม่ได้เล่นละครเลย เขาเลยส่งคาแรคเตอร์มาให้ อ่านแล้วก็ชอบ เลยมีโอกาส และเขาก็ให้โอกาสเรามาด้วย

เคยให้สัมภาษณ์ว่าบทของ LGBTQ+ ในละครบ้านเรามักได้รับแต่บทตลก สะท้อนมุมมองของคุณให้ฟังหน่อย

โก้มองว่าภาพที่เห็นกลุ่มกะเทย ตุ๊ด ที่ชีวิตมีสีสัน ต่อให้นั่งคุยเรื่องเศร้ากัน คนอื่นฟังแล้วก็หัวเราะ ทีนี้มันเป็นภาพที่ไม่แปลกที่คนอื่นจะมองว่ามันเป็นภาพสนุกสนาน ตลกขบขัน เวลาเขาทำละครหรือหนังขึ้นมา ด้วยบทมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำเป็นเรื่องตลกขบขัน เมื่อก่อนที่พี่บอกว่าเราไม่อยากรับ มันเป็นอย่างนี้ด้วย พอเรานึกถึงเพศสภาพของเรา เราข้ามเพศ เราเป็นทรานส์ เมื่อเราอยู่ในเพศนี้เราน่าจะได้รับบทอื่นได้ เหมือนสมัยนี้เอาผู้ชายมารับบทเป็นเกย์ มาเล่นซีรีส์วาย

จริงๆ โก้รู้สึกว่าเราน่าจะไปเล่นเป็นผู้หญิงได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอก อยากให้มองที่ความสามารถด้านการแสดง หรือบางทีเราอาจจะไปรับบทเป็นทอมก็ได้ นั่นคือการแสดง แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คนที่ทำอาจยังไม่เข้าใจ ไม่ศึกษากลุ่ม LGBTQ+ ดังนั้นบทที่ติดต่อเรามามันก็ไม่ได้ให้คุณค่าอะไรมากนัก ดูแล้วบางทีไม่ได้จำเป็นกับละครเรื่องนี้เท่าไร เราเลยบอกว่าถ้าเป็นบทประเภทนี้เรารู้สึกว่าไม่อยากไปตอกย้ำ

แต่ในปัจจุบันคนเข้าใจมากขึ้น มัน world wide มันเข้าใจกันได้มากขึ้นในหลายๆ ช่องทาง เข้าใจแล้วว่าในสังคมเรามันมีเพศทางเลือกอีกเยอะมาก หลังๆ ก็หยิบขึ้นมาเล่าในแง่มุมที่คนเห็นแล้วเข้าใจ เห็นแล้วเรียนรู้ให้คุณค่าเกิดขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าเด็กรุ่นนี้ไม่ได้แปลก โก้ไม่ได้ดูถูกบทบาทของ LGBTQ+ เพราะเราก็อยู่ในกลุ่ม LGBTQ+

ชีวิตช่วงเวลานี้ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง มีความสุขไหม

แฮปปี้ในทุกช่วงเวลา มันก็มีช่วงที่เราไม่แฮปปี้ ช่วงที่เราประสบปัญหา แต่มันนานมากแล้ว สิ่งที่เข้ามาดูแลและเยียวยาใจคือมีเพื่อนมาแบ่งปันเรื่องธรรมะ ได้เรียนธรรมะ ไปศึกษา พอเรารู้ตรงนั้น อ๋อ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เราก็อยู่กับธรรมชาติของเรา อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน พอเราเรียนรู้ตรงนี้ เราก็เลยเริ่มเข้าใจว่าชีวิตมันไม่ได้มีอะไรมาก ความเปลี่ยนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของสังคม ตัวเราก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะงั้นเราจะอยู่กับตรงนี้อย่างไร เข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร และเรายังมีงานของตัวเองเป็นงานอาสาเรื่องธรรมะ เรื่องเยียวยาใจ แบ่งปันการเรียนธรรมะ

รายละเอียดของงานอาสาที่คุณทำเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนหน้านี้เป็นงานแต่งหน้าภาวนา แต่ต้องหยุดไปเพราะโควิด เพราะมันต้องใช้อุปกรณ์แต่งหน้า พอหยุดไปในกลุ่มอาสา เพื่อนก็เกิดงานธรรมะเยียวยาใจ เราก็มีโอกาสไปเรียนไปศึกษา ได้อยู่ในกลุ่มอาสา ก็มีงานอาสาเรื่องของการเยียวยาขึ้นมาใหม่ เป็นเรื่องการเปิดใจคลายทุกข์ คือเราไปเป็นอาสาผู้รับฟัง หลายคนไม่สามารถแบ่งปันเรื่องราวในใจกับใครได้ คุยกับครอบครัว คนใกล้ตัวไม่ได้ เราก็ไปเป็นอาสารับฟังเรื่องราวเหล่านั้น ทำหน้าที่ฟังอย่างเดียวเลย ให้เขาได้ผ่อนคลาย ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ เป็นกิจกรรมที่มีเดือนละครั้ง

โดยเรื่องการเยียวยาจะโปรโมทผ่านเพจเปิดใจคลายทุกข์ นอกจากนั้นมีเพจธนาคารสติที่เปิดมานานแล้วโดยครูดล ธนวัชร์ ส่วนนี้ทำเป็นออนไลน์ ใครอยากเป็นเพื่อนกับธนาคารสติก็จะเข้ามาแอดไลน์ แล้วเขาก็เข้ามาคุยในไลน์ว่าเขามีปัญหาอะไร อยากเล่าอะไร ก็มาระบายให้เราฟัง เราจะมีอาสาเป็นแอดมินตัวแทนของธนาคารสติมารับฟัง พูดคุย แต่มีคนรู้สึกว่าออนไลน์ไม่ออนไทม์ เลยมีการจัดแบบเห็นหน้ากลายเป็นกิจกรรมที่เรียกว่าเปิดใจคลายทุกข์ แต่ก็รับจำนวนจำกัด เพราะเราต้องรับสมัครอาสาในกลุ่มก่อน สมมติว่าถ้าเราทำวันนี้ อาสาท่านไหนว่างบ้าง เป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เป็นคู่ ซึ่งสามารถตามได้ในเพจ ส่วนสถานที่จะวนไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่ได้มีสถานที่ของตัวเอง

ในฐานะที่คุณเป็นทรานส์รุ่นแรกๆ เลย การยอมรับเรื่อง LGBTQ+ มีผลต่อความทุกข์ของคุณไหม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันสะท้อนสังคมอย่างไร

ถ้าตอนนี้ไม่นะ ตอนนี้ค่อนข้างเข้าใจมากขึ้น มันเห็นภาพง่ายขึ้น ไม่ต้องมากระมิดกระเมี้ยน หลายคนพร้อม แต่มีความห่วงอย่างเดียวว่ามันจะเหมือนกับพอทุกอย่างเปิดแล้ว ทีนี้เราจะแสดงออก มันต้องอยู่ในมารยาทสากลด้วย อันนี้ไม่เฉพาะเจาะจง มันมีโซเชียล หลายคนนึกถึงเรื่องของมูลค่ามากกว่าคุณค่า มูลค่าก็คือยอดไลก์ ยอดฟอลโลว์ กดแชร์ บางครั้งเราเคยเห็นว่าเขาไม่แคร์วิธีการที่จะเพิ่มยอดผู้ชม แล้ววิธีการบางอย่าง เยาวชนที่เด็กกว่าอาจมองว่านี่คือสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง

การเรียนรู้ธรรมะมีหลายแบบ สำหรับคุณเป็นแบบไหน

สำหรับโก้การเรียนรู้ธรรมะคือการเรียนรู้ภายในตัวเรา การทำความเข้าใจภายในตัวเรา จากการแต่งหน้าภาวนามันทำให้โก้เห็นความเป็นจริง เป็นการพาเข้าไปเจอตัวเอง ทีนี้โก้ใช้เครื่องมือคือใบหน้าของตัวเอง เพราะโก้ได้เห็นตัวเองจากใบหน้า จากการแต่งหน้า พอเห็นปุ๊บเออเราแบ่งปันได้เนาะ และการแต่งหน้ามันคือเครื่องมือที่ง่าย หลายคนคิดว่าอยากเรียนแต่งหน้า พอมาแต่งหน้ากับโก้ โก้จะให้เห็นว่าความงามอยู่ข้างใน ใบหน้าที่แท้จริงของเราอยู่ข้างใน แล้วใบหน้าของเราไม่ได้อยู่แค่บทบาทเดียว เราใช้ใบหน้าหลายบทบาทมาก เขาจะไปยืดติดกับบทบาท เราทำให้เขาเห็นว่าจริงๆ แล้วเขายึดติดกับบทบาทไหน

พอทำตรงนี้ไปเขาก็พูดว่าบางคนไม่ชอบแต่งหน้าเขาบอกว่าเพราะเขาไม่ใช่คนสวย แต่เราทำให้เขาเข้าใจว่าการแต่งหน้าไม่ใช่ทำเพื่อความสวยงาม แต่ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่า หรือบางคนอยากขอบคุณตัวเอง อยากให้รางวัลกับตัวเอง แต่คิดไม่ออก เอาความชื่นชมของตัวเองไปแปะไว้กับคำชื่นชมของคนอื่นเท่านั้น เราจะทำให้เขากลับมาเห็นและชื่นชมตัวเองได้ด้วยตนเอง 

กว่าจะมาถึงจุดนี้เข้าใจว่าคุณเรียนรู้ และปรับตัวเยอะมาก

เราต้องเจอเองไง ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้ ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ เวลาเราเจอทุกข์เราจะรีบปฏิเสธ และลองนึกดู อะไรที่ทำให้เราทุกข์ ถ้าเราเจอทุกข์สิ่งแรกที่เราจะทำคือทำอย่างไรให้มันหายไป สิ่งที่ทำให้เราทุกข์มากขึ้นก็คือการควานหาวิธีการกำจัดทุกข์ จริงๆ ทุกข์ไม่ได้ทำให้เราทุกข์มาก แต่การควานหาวิธีการกำจัดทุกข์ ทุกข์มากกว่า เหมือนหมอบอกเราเป็นมะเร็ง ต้องใช้กระบวนการรักษาแบบนี้ๆ พอเรารู้ปุ๊บ ฉันกลัวตาย จะต้องหาทางอะไรที่จะทำให้มันหายไปเลย มะเร็งน่ะเท่าเดิม แต่ความทุกข์มันเพิ่มขึ้น มันเลยไปเกิดที่ตัว แต่ตอนนี้มันพาให้ใจเราป่วยไปด้วยเลย แต่ถ้าเราบอกว่ามะเร็งเหรอ ฉันจะทำความรู้จักเธอ อะไรที่เธอชอบฉันจะไม่เจอะเจอ เราจะไม่ทำร้ายเขา เราจะไม่พยายามผลักเขา ฉันจะค่อยๆ ดูแลเธอ นั่นคือสิ่งที่พี่ใช้เยียวยาตัวเอง