ปวดปัสสาวะแล้วกลั้น โทษมหันต์แบบที่คุณคิดไม่ถึง
โดยทั่วไปแล้วการกลั้นปัสสาวะนานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต และโรคไตวาย อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ถือว่าอันตรายในการกลั้นปัสสาวะนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ สุขภาพโดยรวม และปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน
ดังนั้นควรเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ หากกลั้นปัสสาวะนานเกิน 2-3 ชั่วโมง อาจเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม เด็กเล็กและผู้สูงอายุอาจต้องเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะของพวกเขามีขนาดเล็กกว่าและไม่สามารถเก็บปัสสาวะได้มากเท่าผู้ใหญ่
หากคุณกลั้นปัสสาวะนานเกินไป คุณอาจมีอาการต่างๆ เช่น
- ปวดปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปัสสาวะมีเลือดปน
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปวดหลัง
- ปวดท้อง
- อ่อนเพลีย
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะและเจริญเติบโต ทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด และปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
- นิ่วในไต เกิดจากการที่เกลือแร่และสารต่างๆ ในปัสสาวะตกตะกอนจนกลายเป็นก้อนแข็ง ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดท้อง และปัสสาวะมีเลือดปน
- โรคไตวาย เกิดจากการที่ไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการบวม อ่อนเพลีย และปัสสาวะมีฟอง
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะและเจริญเติบโต ทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด และปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด และปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ:
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- เข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูป เพราะอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวยากขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ