"ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล" ความงาม ความรัก และทัศนคติที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ย้อนไปในยุคที่นิตยสารเป็นสื่อกระแสหลัก ภาพนางแบบทั้งปกหน้าปกในไม่อาจขาดซุปเปอร์โมเดลอย่าง “ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” ไปได้ เพราะไม่เพียงสรีระที่ชวนมองจนขึ้นแท่น “เซ็กซี่สตาร์” แต่อินเนอร์ที่ออกมาจากแววตาและท่าทางยังเป็นจุดหลักที่ทำให้เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงบรรณาธิการนิตยสารเลือกเธอคนนี้
เวลาผ่านจากยุคอนาล็อคสู่ดิจิตอลเต็มรูปแบบ ต่าย เพ็ญพักตร์ ยังคงสร้างผลงานในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่องทั้งละครและภาพยนตร์ในบทบาทที่แตกต่างออกไป ผลงานการแสดงมากมายที่ปรากฏยังชวนให้ทุกคนมองเห็นถึงความสวยคงกระพันที่ดูอ่อนกว่าวัยปัจจุบันซึ่งเลย 60 ปีมาแล้ว จนมีคนตั้งฉายาว่า “สาวสามพันปี” เพราะแค่สองนั้นน้อยไป!
เมื่อมีโอกาสได้พบคนในดวงใจ Sanook Woman จึงขอชวนคุยให้ผู้ติดตามมากมายได้หายคิดถึง
"ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล" ความสวย ความรัก และทัศนคติที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ในรอบสิบปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
“จริงๆ พี่คิดว่า เมื่ออายุ 35 ไปแล้ว ผู้หญิงจะรู้แล้วว่าเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวเองบ้าง เพียงแต่ว่าแต่ละคนเปลี่ยนไปมากน้อยไม่เท่ากัน ของพี่ที่รู้สึกเปลี่ยนมากคือตอน 50 กว่า ถือว่าเห็นได้ชัดเจนมาก นั่นคือผิวแห้งมาก เเล้วก็เรื่องเลือดลมที่รู้สึกได้ว่าไม่ปกติ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร เราก็คอยระวัง ทานวิตามินเสริมบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทานเยอะมากเพราะเราก็ต้องระวัง ก็เลือกทานตามที่คุณหมอแนะนำ เพราะคุณหมอบอกว่า ฮอร์โมนเรายังโอเคอยู่ นอกนั้น ทานวิตามินเสริมบ้าง แค่นั้นเอง นอกนั้นก็ดูแลตัวเอง ออกกำลังกายมากขึ้น นวดตัวบ้าง เพื่อดูแลเรื่องระบบน้ำเหลืองในร่างกายให้กระตุ้นการไหลเวียนได้ดีขึ้น”
รู้สึกอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงนี้
“พี่ไม่เฟลกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เพราะเรายอมรับความจริง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ มันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ที่พี่เข้าใจมาตลอด เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงพี่ยอมรับได้ ไม่รู้ว่าได้ฝึกตัวเองตอนไหนหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่เป็นคนที่มองทุกอย่างตามความเป็นจริง เราไม่เฟคในเรื่องของชีวิตตัวเอง เพราะถ้าเราไปเฟคชีวิตเราก็ไม่มีความสุข
พี่ยอมรับทุกอย่างในแต่ละเหตุการณ์ที่เข้ามาในชีวิต ไม่เคยไปเบลมใครว่าคนนี้มาทำให้เราเป็นแบบนี้แบบนั้น ไม่เลย ทุกอย่างเริ่มจากเรา เพราะถ้าเราไม่ไปหาคนนี้ ถ้าเราไม่ไปรู้จักคนนี้ทุกอย่างก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ เลยทำให้เราเข้าใจว่า เพราะเราดึงคนแบบนี้เข้ามาเอง พอเรามาถึงจุด ๆ หนึ่งเราจะเข้าใจว่า อ่อ สิ่งนี้คือธรรมชาติของมนุษย์ที่ทุกคนต้องเจอ เพียงแต่ว่าเราจะปล่อยวางได้แค่ไหน อยู่ที่มุมมองเที่มีต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร เท่านั้นเอง
พี่เป็นคนปล่อยวางอะไรได้เร็ว พี่ไม่ชอบอะไรที่มันทับซ้อนอยู่ในหัวสมองทำให้เราทุกข์ใจ หรือทำให้เรารู้สึกหน่วงในความรู้สึก พี่จึงสามารถตัดทุกอย่างออกได้เร็วมมาก ภายในสามวันพี่คัดได้หมด พี่ไม่ชอบให้มีอะไรติดอยู่ในใจ คิดอย่างนี้ตั้งแต่วัยรุ่นมาเลย”
คนรุ่นใหญ่มองต่ายเพ็ญพักตร์ในภาพเซ็กซี่ไอคอน แต่อยากให้คนรุ่นใหม่มองเป็นภาพแบบไหน
“ยุคนั้นก็อาจจะใช่เพราะมีกันอยู่ไม่กี่คนที่ทำคล้ายพี่ มีน้อย แต่เด็กยุคใหม่อย่ามองว่าใครเป็นไอคอนหรือไอดอลอะไรเลย เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก ทุกคนสามารถเป็นไอคอนของตัวเองได้ ทุกคนสามารถเป็นอินฟลูในช่องทางของตัวเองได้ เป็นโลกยุคใหม่ที่สามารถเป็นไอดอลด้วยตัวของตัวเองได้ สร้างได้เลยในคืนเดียว
พี่อยู่ในยุค 80 ถ้ามองย้อนกลับไปในยุคนั้นคือไม่มีเลยแม้แต่เครื่องแฟกซ์ โทรศัพท์บ้านนี่ต้องนัดหมายจากที่บ้าน จดรายละเอียดยิบเพื่อไปกองถ่าย จากนั้นเริ่มมีแพกลิงค์ เริ่มมีแฟกซ์ พี่ผ่านมาหลายเจนมากจนมาถึงตอนนี้ที่ที่ อู้หู! ไฮเทค เทคโนโลยีก้าวไกลมาก พี่ก็ยังภูมิใจนะที่พี่ยังอยู่ในจุดนี้ได้”
นิวัติ กองเพียร เกจินู๊ดชื่อดังยุคนั้น บอกเสมอว่าต่ายเพ็ญพักตร์ เป็นผู้หญิงที่มีเซ็กส์แอพเพียวสูงมาก พี่ต่ายมองว่าเรื่องนี้บอร์นทูบีหรือผู้หญิงทุกคนสร้างขึ้นเองได้
“เรื่องนี้พี่นิวัติมองว่าพี่บอร์นทูบีนะ แต่พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เวลาพี่ทำงาน เช่น ที่พี่จะถ่ายชุดว่ายน้ำ ก็ต้องคิดว่าชุดว่ายน้ำจะสื่อถึงอะไร เราก็ต้องนำสายตาผู้คนให้มองมาที่ชุดว่ายน้ำที่พี่ใส่ เราก็พยายามจะสื่อถึงตรงนั้น มันก็เลยกลายให้ภาพของเราเป็นเหมือนบอร์นทูบี แล้วแต่การมอง สำหรับพี่คือพี่ทำตามโจทย์ของการทำงานของเรา จะใส่ชุดอะไรก็ต้องทำตามโจทย์ และเรื่องนี้พี่มองว่าสร้างได้นะ ถ้าคนนั้นตีความการนำเสนอให้ละเอียดได้ว่าช่างภาพต้องการสื่ออะไร พี่ว่าสร้างได้ทุกคน
ภาพปัจจุบันคนจะเห็นสไตล์เรียบเท่ จริง ๆ พี่เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว นอกเหนือจากงานพี่จะเป็นคนที่แต่งตัวง่าย ๆ ยังดูแลตัวเอง ไม่ใช่แค่เหมือนเดิมยิ่งต้องดูมากกว่าเดิม เพราะด้วยวัยหกสิบกว่าแล้ว ทุกอย่างมาเร็วมาก ความอ้วนก็มาเร็ว กินเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็มาเร็ว พี่ดูแลหมดทั้งร่าง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเพราะพี่ถือว่ารูปร่างหน้าตาเรา เราก็ต้องดูแลทั้งหมด ที่เราต้องดูแลเพราะเรายังต้องอยู่อาชีพนี้อยู่”
ความสุขจากความโสด
“ตอนนี้ครองโสดนานมาก แล้วก็จะครองโสดต่อไป ความสุขที่ได้จากความโสดพี่ว่าแล้วแต่คนนะ สำหรับพี่ พี่คิดว่าพี่เป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ เป็นคนที่มีโลกของตัวเองสูง และไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายอยู่แล้ว อยู่คนเดียวได้ ไม่โหยหา ไม่ขวนขวายที่จะมีใครเข้ามาในชีวิต บอกได้เลยว่าตอนนี้มีความสุขมากเลย อยากไปไหนก็ไป อยากไปเที่ยวหรือยากทำงานแค่ไหนก็ตามแต่เรากำหนด จบ แต่ถ้าเรามีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ เรา มันก็จะ มีอะไรที่ต้องคิดถึงอีกคน เขาอยากไปมั้ย เราอยากไปเขาไม่อยากไป ก็จะไม่มีความสุขอีก”
แต่หลายคนมักรู้สึกว่าโสดแล้วไม่มีคุณค่าเพราะไม่มีใครต้องการ
“ใครที่คิดแบบนั้นเท่ากับคุณดูถูกตัวเองนะ อย่าดูถูกตัวเอง เราต้องภูมิใจในตัวเรา สำหรับพี่พี่ให้คุณค่ากับตัวเอง พี่ถือว่าทุกวันนี้ชั้นผ่านอะไรมาเยอะมาก ชั้นทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตัวของฉันเองเป็นเรื่องน่าภูมิใจ ฉันอยากใช้ชีวิตในแบบของฉันเอง ฉันภูมิใจ ทำให้ทุกวันนี้ มีความสุข”
ความสุขที่มั่นคงคือการ “รักตัวเอง”
“ทุกคนต่างมีเรื่องที่กดดันในชีวิตมาก่อน ทุกเรื่องจะบอกคุณเองว่าจะต้องทำอะไร ไม่มีใครบอกได้ว่าทำอย่างไรคุณจึงจะมีความสุข แต่ถ้าคุณมองทุกอย่างในเหตุการณ์ชีวิตที่ผ่านมาแล้วสอนตัวเอง คุณจะรู้ว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขได้อย่างไร ประสบการณ์ในชีวิตจะสอนคุณเอง พี่ไม่กล้าที่จะบอกใครได้ว่าทำอย่างไร เพราะการมองและความต้องการแต่ละคนไม่เหมือนกัน บอกได้แค่ว่า..
รักตัวเองให้เยอะ ๆ แล้วทำสิ่งที่คุณมีความสุข แค่นั้นเลย”
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ