Art Toy คืออะไร ทำไมจากของเล่นสู่ของสะสมยอดนิยมได้
วันนี้ เราจะมาพูดถึงหนึ่งในของสะสมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกผลิตในจำนวนจำกัด และมักจะไม่ถูกผลิตซ้ำ ราคาของมันบางชิ้นสูงถึงหลักแสน! ซึ่งชื่อของมันก็คือ “Art Toy” นั่นเอง
ถ้าอยากรู้กันแล้วว่า Art Toy คืออะไร มีที่มายังไง และทำไมมันถึงได้รับความนิยมขนาดนั้น ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูพร้อมกันเลย!
Art Toy ของเล่นที่เหมือนงานศิลปะ
ก่อนอื่น เราจะอธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า Art Toy คืออะไร Art Toy หรือที่ฝั่งตะวันตกจะเรียกว่า Designer Toy คือของเล่นในรูปแบบศิลปะ ที่ออกแบบโดยศิลปิน มักถูกผลิตในจำนวนจำกัดเนื่องจากศิลปินเป็นผู้ผลิตเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Art Toy บางชิ้นมีราคาสูงถึงหนึ่งแสนบาท นั่นก็เพราะจำนวนที่จำกัด และถูกออกแบบโดยศิลปินนั่นเอง
Art Toy สามารถสร้างได้จากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ เหล็ก เรซิน แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดจะเป็น พลาสติกและไวนิล หรือแม้แต่กาวลาเท็กซ์หรือผ้ากำมะหยี่ก็สามารถนำมาใช้สร้างผลงานได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งในบางครั้งอาจนำตุ๊กตาต่าง ๆ มาใช้ในการตัดเย็บอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้ว Art Toy มักมีการผสมผสาน Pop Culture หรือค่านิยมของผู้คนเข้าไปด้วยเพื่อให้เข้าถึงผู้ชมได้ง่าย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Art Toy ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างจากของเล่นทั่วไปอีกต่างหาก
นั่นเพราะ Art Toy ที่ออกแบบ และ ผลิตขึ้นมาส่วนใหญ่จะไม่มีเนื้อเรื่องมารองรับ ต่างจากฟิกเกอร์หรือโมเดลทั่วไปที่มักจะผลิตมาจากต้นแบบในการ์ตูน เกม หรือจากภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง อีกทั้งดังที่บอกไว้ว่า Art Toy มักจะถูกผลิตในจำนวนจำกัด
โดยทั่วไป Art Toy จะถูกผลิต 10–100 ตัวเท่านั้น และจะไม่เกิน 1,000 ตัว เพราะหากมีการผลิตที่มากเกินไป คุณค่าของความ “หายาก” และ “จำกัด” จะถูกลดลงในทันที ซึ่งคุณค่าของสินค้าที่มีจำนวนจำกัดคือหัวใจสำคัญของ Art Toy
นอกจากนี้ มูลค่าของ Art Toy มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต หากเป็นผลงานของศิลปินชื่อดังหรือมีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เรียกได้ว่ามันคือ “สินทรัพย์” ประเภทของสะสมได้เลยทีเดียว
เอาล่ะ.. หลังจากรู้จักเจ้า Art Toy กันคร่าว ๆ แล้ว ต่อไปเราจะพูดถึงที่มาของมัน
ประวัติของ Art Toy
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2538 ศิลปินชาวฮ่องกง “เรย์มอนด์ ชอย” (Raymond Choy) ได้สร้างสรรค์ชุดผลงานอันมีชื่อเสียงอย่าง Qee ขึ้น โดยของเล่นสะสมดังกล่าวมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีศีรษะเป็นสัตว์ประเภทต่าง ๆ เช่น หมี แมว กระต่าย และลิง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Art Toy
และอีกราว 4 ปีต่อมา Art Toy ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากผลงานของ “ไมเคิล หลิว” (Michael Lau) ผู้จัดแสดงชุดผลงาน Gardeners ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ จี.ไอ.โจ แต่ดัดแปลงคาแรกเตอร์ให้สะดุดตาขึ้นด้วยลายสัก การเจาะหูและการถือสเกตบอร์ด ซึ่งการผสมผสาน Pop Calture กับไลฟ์สไตล์แนวสตรีทครั้งนี้จึงทำให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีบริษัทระดับโลกฝั่งอเมริกา อย่าง Kidrobot ที่เปิดตัว “Dunny Series” และบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Medicom Toys ที่สร้างสรรค์ Bearbrick หรือเจ้าหมีแบร์บริกที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเป็นส่วนผสมของศิลปะและของเล่น
จุดนี้เองที่ทำให้เกิด Art Toy Culture และแรงกระเพื่อมทางการค้า แถมพิพิธภัณฑ์และแกลอรีทั่วโลกก็หันมาให้ความสนใจและจัดแสดง Art Toy อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง กระทั่งมีการนิยามว่า Art Toy คือ การแสดงออกทางศิลปะรูปแบบใหม่ และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
หลังจากรู้จัก Art Toy และประวัติของมันเรียบร้อยแล้ว เราจะมาเจาะลึกความนิยมของ Art Toy และการสะสมเพื่อเก็งกำไรกัน!
เจาะลึกความนิยมและการเก็งกำไรของ Art Toy
ดังที่เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่า Art Toy ถูกผลิตออกมาจำนวนจำกัด และถูกออกแบบโดยศิลปินทำให้มีราคาที่สูง แต่นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีสาเหตุที่ทำให้เจ้า Art Toy ได้รับความนิยมอยู่อีก ดังนี้
Art Toy มีรูปแบบที่แปลกใหม่และไร้ขีดจำกัด นั่นเพราะศิลปินแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ในผลงานของตน อาจเกิดการผสมผสานของเล่นสะสมกับภาพยนตร์หรือการ์ตูนชื่อดัง หรือการจับมือร่วมกันระหว่างแบรนด์สินค้ากับบริษัทผลิตของเล่นสะสม จึงทำให้นักสะสมต่างก็ต้องการครอบครอง Art Toy
เทคโนโลยีที่แฝงใน Art Toyโดยบริษัทผู้ผลิต Art Toy ได้ฝังเทคโนโลยีที่น่าสนใจเข้าไปเพื่อให้นักสะสมได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น การนำโค้ดลับใส่ในกล่องสุ่ม เมื่อผู้ซื้อสแกนโค้ดจะได้สัมผัสกับคอนเทนต์ออนไลน์สุดพิเศษ
ความลุ้นระทึกในการสุ่ม! อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ ผู้เปิดจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีตัวอะไรอยู่ในกล่อง นั่นจึงถือเป็นความตื่นเต้น และเป็นเสน่ห์อีกอย่างของ Art Toy อาจเป็นตัวพิเศษที่มีโอกาสพบเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หรือตัวธรรมดาก็ได้ ด้วยความเซอร์ไพรส์นี้เองผู้คนจึงชื่นชอบการเสี่ยงดวง และยิ่งอยากท้าทายเก็บตัวละครให้ครบทั้งคอลเลกชัน
นอกจากนี้ Art Toy ยังสามารถทำกำไรได้ โดยในหลาย ๆ ครั้ง ผู้ซื้อ Art Toy ก็ไม่ใช่แฟนคลับ หรือผู้ที่สนใจในตัวศิลปิน แต่จะมองเห็นว่าตลาดต้องการ Art Toys รูปแบบไหน ซึ่งผู้ซื้อประเภทนี้คือหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ราคา Art Toys ขยับขึ้นไปข้างหน้า และยังช่วยสร้างชื่อให้ศิลปินบางคนอีกด้วย
หรือบางครั้ง ต่อให้ไม่ทำอะไร แค่สะสมไว้เฉย ๆ แต่บังเอิญตัวที่เราสะสมเป็นตัวหายาก ราคาก็อาจจะพุ่งโดยไม่รู้ตัวก็ได้! นั่นจึงทำให้หลายคนสนใจที่จะซื้อ Art Toy มาเก็บไว้ และหวังว่ามันจะขึ้นราคาในสักวัน
กระแสของมันมาแรง จนในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะมีผู้ซื้อเพื่อสะสม แต่ยังมีผู้ที่ออกแบบ Art Toy ด้วยตัวเองอีกด้วย
Art Toy ในประเทศไทย
จากกระแสที่มาแรงจนหยุดไม่อยู่ ทำให้มีคนไทยหลายคนเลือกจะเป็นผู้สร้างด้วยตัวเอง จนทำให้มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก และตัวผลงานก็ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาม จะมีใครกันบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลย
“นิศา ศรีคำดี” ผู้สร้างสรรค์ Art Toy เด็กหญิงหน้าเปื้อนน้ำตา
สำหรับศิลปินไทยคนแรก คือผู้ที่สร้าง Art Toy เด็กหญิงเปื้อนน้ำตา เพื่อสื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะแสดงด้านสดใสของตนมากกว่าจะร้องไห้อ่อนแอให้ใครเห็น แต่ในความเป็นจริงการร้องไห้ออกมาช่วยระบายความทุกข์ในใจได้ไม่น้อย โดยผลงานชุดดังกล่าวขายหมดเกลี้ยงในพริบตา เนื่องจากดังไกลไปทั่วโลก ทั้งยังเคยจัดนิทรรศการ Cry me a river ที่ผู้คนจำนวนมหาศาลพากันมาชม
“Alex Face” ชาวไทยผู้สร้างชื่อเสียงก้องไกลทั่วโลกกับเจ้ามาร์ดี
สำหรับบุคคลถัดมา คือชาวไทยผู้สร้างชื่อเสียงก้องไกลทั่วโลกกับเจ้ามาร์ดี กระต่าย 3 ตา หน้าสุดเก๋ แถมยังเคยร่วมออกแบบกับสตูดิโอแนวหน้าอย่าง Mighty Jaxx อีกด้วย
“พงศธร ธรรมวัฒนะ” เจ้าของธุรกิจ JP Toys และโปรเจกต์ JPX
สำหรับคนถัดมา เขาคือเจ้าของธุรกิจ JP Toys และโปรเจกต์ JPX ที่เริ่มต้นมาจากการสะสมของเล่น ก่อนที่จะต่อยอดจนกลายเป็นธุรกิจ เขาได้เปิดร้านขายของเล่นที่ชื่อ “Play House” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
เหล่านี้ล้วนเป็นชาวไทยที่ทำผลงานเป็นที่ประจักษ์และทำให้ได้รับการยอมรับจากต่างชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างมา ก็มีคนไทยอีกหลายคนที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วย Art Toy ได้
สรุปส่งท้าย
ก็จบลงไปแล้วกับเรื่องราวของ Art Toy ของสะสมยอดฮิตในปัจจุบัน ซึ่งการที่ Art Toy ได้รับความนิยมขึ้นมา ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าในปัจจุบันของสะสมเปิดกว้างเป็นอย่างมาก แม้แต่ของเล่นก็สามารถกลายเป็นของสะสม อีกทั้งของเล่นที่หลายคนอาจจะมองว่าไร้สาระ ยังสามารถสร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับชาวไทยได้อีกด้วย
นอกจากนี้ใคร ๆ ก็สามารถสะสมได้ เพราะเจ้า Art Toy มีให้เลือกตั้งแต่หลัก 100 ไปจนถึงราคาสูงที่สุดอย่างหลัก 100,000 เรียกได้ว่าใครที่จะซื้อเพื่อสะสมก็ทำได้ หรือจะเก็งกำไรไว้ขายในอนาคตก็ได้เช่นเดียวกัน เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ เราก็อยากจะส่งท้ายไปด้วยคำพูดที่ว่า “ของทุกสิ่งล้วนมีคุณค่า ขอแค่อยู่ถูกที่และถูกเวลา สิ่งนั้นก็จะมีค่าขึ้นมาเอง” เหมือนกับเจ้า Art Toy เหล่านี้นี่เอง