วิธีดีท็อกซ์แก้ปัญหาท้องผูกแบบไม่พึ่งอาหารเสริม
การดีท็อกซ์ (Detoxification) หมายถึง กระบวนการในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การดื่มน้ำมาก ๆ และการรับประทานอาหารเสริม แต่จากการออกมาเตือนของนายแพทย์จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านอ่อง ได้โพสต์คลิปเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์ผ่านทางเฟซบุ๊ก Chakriwat Vivacharawongse โดยระบุว่า สองหัวข้อสำคัญสำหรับวันนี้นะครับ: อาการท้องผูกและผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ที่จำหน่ายในร้่านขายวิตามินและอาหารเสริมในห้างสรรพสินค้า
โดยเนื้อหาแล้วท่านอ่องกล่าวว่า "โดยมีข้อความว่า "ผมไม่สนับสนุนให้ลองใช้นะครับ,คุณอาจจะลองใช้ดูก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไร,แต่รับปากกับผมก่อนนะครับว่า คุณจะแจ้งให้แพทย์ประจำบ้านของคุณทราบว่า คุณอยากที่จะลองพวกมัน และขอคำแนะนำจากแพทย์ประจำบ้านของคุณด้วยนะครับ"
Sanook Women จึงขอแนะนำวิธีการดีท็อกซ์แก้ปัญหาท้องผูกแบบไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามท้องตลาด ซึ่งปลอดภัย และสามารถทำได้เองดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
ไฟเบอร์เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุขภาพลำไส้ โดยจะช่วยดูดซับสารพิษและกากของเสีย ทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายขึ้น แหล่งอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง และผักใบเขียวเข้ม
- ดื่มน้ำมาก ๆ
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในการขับสารพิษออกจากร่างกาย แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นหากมีเหงื่อออกมาก
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและขับเหงื่อ ซึ่งมีส่วนในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
ตัวอย่างเมนูอาหารดีท็อกซ์
- มื้อเช้า : ข้าวโอ๊ตต้มกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- มื้อกลางวัน : สลัดผักกับไก่ย่าง
- มื้อเย็น : ปลานึ่งกับผักต้ม
คำแนะนำเพิ่มเติมในการดีท็อกซ์แก้ปัญหาท้องผูก
นอกจากการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำมาก ๆ และการออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการดีท็อกซ์แก้ปัญหาท้องผูกดังนี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ
- เข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาทุกวัน
- ฝึกการหายใจเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
ข้อควรระวังในการดีท็อกซ์
การดีท็อกซ์เป็นกระบวนการที่ร่างกายต้องทำงานหนัก ดังนั้นจึงควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและฟังเสียงร่างกาย หากมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ ให้หยุดดีท็อกซ์ทันที
นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดีท็อกซ์หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่เป็นประจำ