กิน "ปลาทู" ได้คุณค่าอาหารมากกว่า "ปลาแซลมอน" แบบไม่ต้องจ่ายแพง
เรามักได้ยินกันว่าแนะนำให้ทาน "ปลาแซลมอน" เนื่องจากมีกรดโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด รวมถึงประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ หากเราจะทานปลาแซลมอนที่ให้คุณค่าทางอาหารก็ต้องเลือกแหล่งที่มาของปลาแซลมอนให้เหมาะสมด้วย อีกทั้งแซลมอนมักเป็นอาหารที่มีราคาสูง จึงทำให้การรับประทานปลาแซลมอนเพื่อเสริมในเรื่องสุขภาพนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ที่มีรายได้จำกัด
อย่างไรก็ตามยังมี "ปลาทู" เป็นอาหารที่อยากแนะนำเพราะหากเทียบในเรื่องการให้คุณค่าทางอาหารโดยเฉพาะโอเมก้า 3 และโปรตีนสูงกว่าปลาแซลมอนในปริมาณที่เท่ากัน อีกทั้งปลาทูยังมีราคาถูกกว่า จึงทำให้เราสามารถทานปลาทูได้บ่อยกว่า
ประโยชน์ของปลาทูที่มีมากกว่าปลาแซลมอน
- ปลาทูและปลาแซลมอนเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 โดยในปลาทู 100 กรัม มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,636 มิลลิกรัม ในขณะที่ปลาแซลมอน 100 กรัม มีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,000-1,700 มิลลิกรัม จะเห็นได้ว่าปลาทูมีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาแซลมอนเล็กน้อย โดยปลาทูมีโอเมก้า 3 ชนิด EPA และ DHA สูงกว่าปลาแซลมอนเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งโอเมก้า 3 ชนิด EPA และ DHA เหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
- มีโปรตีนไม่แพ้ปลาแซลมอน ปลาทูกับปลาแซลมอนอย่างละ 100 กรัม ให้โปรตีนพอๆ กัน ซึ่งโปรตีนจำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ปลาทูนั้นราคาถูกกว่า ดังนั้นเราจึงทานปลาทูเพื่อเสริมโปรตีนได้บ่อยครั้งกว่า
นอกจากนี้ ปลาทูยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 บี 2 กรดไขมันจำเป็น ไนอะซิน ถึงแม้จะมีปริมาณอย่างละนิดแต่ก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ บำรุงประสาทและสมอง