กินยาคุมกำเนิด รักษาสิว ช่วยผิวใส จริงหรือ?

กินยาคุมกำเนิด รักษาสิว ช่วยผิวใส จริงหรือ?

กินยาคุมกำเนิด รักษาสิว ช่วยผิวใส จริงหรือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ยาคุมกำเนิด" นอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว หลายคนอยากหน้าสวยใส ไร้สิว ด้วยการหันมาพึ่งการกิน "ยาคุมกำเนิด" เพื่อหวังผลให้ได้ผิวพรรณที่สวยเปล่งปลั่ง แต่การกินยาคุมดีจริงหรือ มาไขข้อข้อใจกัน

ยาคุมกำเนิด สามารถรักษาสิวได้จริงหรือ?


ยาคุมกำเนิดสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้จริง โดยยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined oral contraceptive pills: COCs) ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน จะช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกายให้ลดลง ซึ่งฮอร์โมนเพศชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว โดยฮอร์โมนเพศชายจะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบได้

จากการศึกษาพบว่า ยาคุมกำเนิดชนิด COCs สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ประมาณ 20-50% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว โดยยาคุมที่มีส่วนประกอบของเอสโตรเจนชนิดไดเอโนเจสตรอล (dienogest) และโปรเจสตินชนิดซิโปรเตอโรนอะซิเตต (cyproterone acetate) มีประสิทธิภาพในการลดสิวได้ดีกว่ายาคุมชนิดอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิดอาจไม่ได้ช่วยลดสิวทุกราย และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิว

นอกจากยาคุมกำเนิดแล้ว ยังมียารักษาสิวอื่นๆ ที่สามารถใช้ได้ผล เช่น ยาทาสเตียรอยด์ ยาทากรดวิตามินเอ ยารับประทานกรดวิตามินเอ ยารับประทานโรแอคคิวเทน เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกยาที่เหมาะสมกับความรุนแรงของสิวและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

ดังนั้น สรุปได้ว่า ยาคุมกำเนิดสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้จริง แต่อาจไม่ได้ได้ผลกับทุกคน และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิว

ข้อดีของการกินยาคุมกำเนิด

  • คุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% หากรับประทานยาถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์

  • ลดอาการปวดประจำเดือน ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะช่วยลดปริมาณฮอร์โมนโปรเจสตินในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนโปรเจสตินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปวดประจำเดือน

  • ทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่ ทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอขึ้น

  • ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้

  • ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมสามารถช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนได้

  • บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมสามารถช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น อารมณ์แปรปรวน ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยาคุมกำเนิดบางชนิดยังสามารถใช้รักษาภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น


ข้อเสียของการกินยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% หากรับประทานยาถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิดก็มีผลข้างเคียงบางประการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนี้

  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ น้ำหนักขึ้น เป็นต้น ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนหลังเริ่มรับประทานยา

  • ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย ได้แก่ ภาวะหลอดเลือดอุดตัน ภาวะตับอักเสบ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะกระดูกพรุน ภาวะมะเร็ง เป็นต้น ภาวะเหล่านี้อาจรุนแรงและอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้

ความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยง ได้แก่ อายุ ประวัติสุขภาพ การสูบบุหรี่ เป็นต้น

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิด ได้แก่

    • อายุมากกว่า 35 ปี
    • สูบบุหรี่
    • มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคตับ
    • มีประวัติมะเร็งเต้านม
    • มีประวัติภาวะหลอดเลือดอุดตัน

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิด ได้แก่

    • อายุน้อยกว่า 35 ปี
    • ไม่สูบบุหรี่
    • ไม่มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคตับ
    • ไม่มีประวัติมะเร็งเต้านม
    • ไม่มีประวัติภาวะหลอดเลือดอุดตัน

ก่อนตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ยา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook