"กลั้นผายลม" แล้วลมนั้นไปไหน ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพบ้าง
การกลั้นผายลมเป็นพฤติกรรมที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว บางครั้งอาจกลั้นโดยตั้งใจ เช่น ขณะอยู่ในที่สาธารณะหรือขณะอยู่ในที่ประชุม บางครั้งอาจกลั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ขณะอยู่ในระหว่างรับประทานอาหารหรือขณะนอนหลับ เมื่อเรากลั้นผายลม ลมในลำไส้จะไม่สามารถออกมาได้ แต่จะกลับเข้าไปสะสมอยู่ในลำไส้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้อง ปวดท้อง และท้องอืดได้ นอกจากนี้ การกลั้นผายลมอาจทำให้ลำไส้บีบตัวแรงขึ้น เพื่อพยายามดันลมออกมา ทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบได้
ลมในลำไส้มาจากไหน
ลมในลำไส้ส่วนใหญ่เกิดจากแก๊สที่เกิดจากแบคทีเรียในลำไส้ย่อยอาหาร แก๊สเหล่านี้ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และมีเทน นอกจากนี้ ลมในลำไส้ยังอาจเกิดจากแก๊สที่กลืนเข้าไปขณะรับประทานอาหารหรือขณะดื่มน้ำ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องดื่มอัดลม แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์จากอาหารที่มีกำมะถันสูง เช่น กะหล่ำปลี ถั่ว และไข่
การกลั้นผายลมแล้วลมหายไปไหน
เมื่อเรากลั้นผายลม ลมในลำไส้จะไม่สามารถออกมาได้ แต่จะกลับเข้าไปสะสมอยู่ในลำไส้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าลำไส้จะบีบตัวแรงขึ้น เพื่อพยายามดันลมออกมา ลมเหล่านี้อาจออกมาทางทวารหนักในรูปแบบของผายลม หรืออาจถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านผนังลำไส้
วิธีป้องกันไม่ให้กลั้นผายลม
การกลั้นผายลมเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกลั้นผายลม โดยสามารถทำได้ดังนี้
- ฝึกฝนการปล่อยลมอย่างเป็นธรรมชาติ
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊ส
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ข้อควรระวังในการกลั้นผายลม
การกลั้นผายลมอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น
- อาการแน่นท้อง ปวดท้อง และท้องอืด
- ปัญหาสุขภาพที่เรียกว่า ถุงผนังลำไส้อักเสบ
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกลั้นผายลม โดยฝึกฝนการปล่อยลมอย่างเป็นธรรมชาติ