กิน "ปลาตะเพียน" ตามขุนหลวงท้ายสระ ได้คุณค่าอาหารอะไรบ้าง
จากความฮอตกระแสแรงต้านไม่อยู่ของละคร "พรหมลิขิต" ทำให้ไม่เพียงแต่ตัวละครหลักจากละครเท่านั้นที่ได้รับความสนใจ เพราะในทุกๆ ตอนที่มีตัวละครใหม่ปรากฎขึ้นก็จะต้องได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นในละครก็มักจะสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ความรู้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่เราอยากจะหยิบยกมากล่าวถึงคือเรื่องของ "ปลาตะเพียน" เมนูโปรดของขุนหลวงท้ายสระ ที่ถึงขั้นออกกฎหมายห้ามราษฎรจับกินหากฝ่าฝืนจะถูกปรับ 5 ตำลึง หรือ 20 บาท สำหรับปลาตะเพียนนั้นเป็นปลาน้ำจืดที่มีคุณค่าอาหารสูง โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงสมอง นอกจากนั้นปลาตะเพียนยังมีคุณค่าอาหารอะไรอีกบ้าง
คุณค่าทางอาหารของปลาตะเพียน
1.ปลาตะเพียนเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด เป็นหนึ่งในแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของกรดไขมันจำเป็น โปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินที่ละลายในไขมันเช่นวิตามิน A, E และ D
2.ปลาตะเพียนมีปริมาณ 100 กรัมมีพลังงาน 127 แคลอรี่ และโปรตีน 17.8 ก./100 กรัม เนื้อสีขาวมีเกล็ดแน่น และประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นทั้งหมดในสัดส่วนที่ดี
3.เป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และแหล่งที่ดีของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน จากการศึกษาแนะนำว่าอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงสามารถลดหรือป้องกันการเสื่อมของโรคสมองเสื่อม อารมณ์ซึมเศร้า โรคทางจิตเวช โรคหอบหืด และโรคอักเสบ
4.ปลาตะเพียนมีปรอทเพียง 0.110 ppm จึงถือเป็น "ตัวเลือกที่ดีที่สุด" ของเนื้อปลา โดยพิจารณาจากระดับปรอทในเนื้อปลา คำแนะนำคือบริโภคปลาตะเพียน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
5.ปลาตะเพียนเป็นแหล่งโอเมก้า 3 eicosapentaenoicacid (EPA), docosapantaenoicacid (DPA) และ docosahexaenoic acid (DHA) ในปริมาณปานกลาง การวิจัยแนะนำว่ากรดไขมันเหล่านี้ โดยเฉพาะ DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของระบบประสาท โดยเฉพาะในทารกและเด็ก
6.ปลาตะเพียน 100 กรัมมีวิตามินดี 988 IU ซึ่งก็คือประมาณ 165% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญแคลเซียมและช่วยปกป้องโรคมะเร็ง
7.ปลาตะเพียนประกอบด้วยวิตามินเอจำนวนเล็กน้อย (30 IU/100 กรัม) อย่างไรก็ตามมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีความจำเป็นในปริมาณปานกลาง เช่น ALA, DHA และ DPA ซึ่งช่วยรักษาเยื่อบุผิวและผิวหนังให้แข็งแรง
8.ปลาตะเพียนประกอบด้วยวิตามินบีคอมเพล็กซ์หลายชนิด เช่น ไนอะซิน และไพริดอกซิน (B-6) นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินอี วิตามินบี 12 ไทอามีน และไรโบฟลาวิน
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งธรรมชาติของแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย รวมถึงไอโอดีน ซีลีเนียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม สังกะสี โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ไอโอดีนเป็นธาตุอาหารเสริมที่สำคัญในโภชนาการของมนุษย์และจำเป็นสำหรับการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์