ผลกระทบจากการกิน "อาหารกระป๋อง" เช็กให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ
อาหารกระป๋องเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหาร โดยการแปรรูปอาหารและปิดผนึกในภาชนะ เช่นกระป๋องเหล็ก กระป๋องโลหะ โดยทั่วไปมักเข้าใจกันว่าอาหารกระป๋องมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่าอาหารสด หรืออาหารแช่แข็ง และมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่อาหารกระป๋องนั้นก็อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร และวิตามินเท่ากับอาหารสด อย่างไรก็ตามก่อนซื้ออาหารกระป๋องมาบริโภคควรอ่านฉลาก และส่วนผสมอย่างละเอียดเพื่อเลี่ยงเกลือ น้ำตาล และสารกันบูด ซึ่งนี่คือผลกระทบจากการกินอาหารกระป๋องที่ควรเช็กก่อน
ผลกระทบจากการกินอาหารกระป๋อง
1.โซเดียมสูง อาหารกระป๋องมักมีปริมาณโซเดียมสูง เนื่องจากมีการใส่เกลือลงในกระบวนการผลิตเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและปรับปรุงรสชาติ การบริโภคโซเดียมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคโซเดียมมากเกินไป ควรเลือกอาหารกระป๋องที่มีปริมาณโซเดียมต่ำหรือไม่มีโซเดียมเลย คุณสามารถตรวจสอบปริมาณโซเดียมได้โดยอ่านฉลากโภชนาการของผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมน้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค (225 กรัม)
2.น้ำตาลสูง ผลไม้กระป๋องบางชนิดอาจมีน้ำเชื่อมซึ่งเป็นน้ำตาลที่เติมเข้าไปในกระบวนการผลิต การบริโภคมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ควรเลือกผลไม้กระป๋องที่บรรจุในน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ 100% แทนน้ำเชื่อมหนักหรือหวาน
3.โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย อาหารกระป๋องอาจทำให้เกิดโรคโบทูลิซึมซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่เจริญเติบโตในอาหารที่ปนเปื้อนและผลิตสารพิษที่เรียกว่าสารพิษโบทูลินัม อาหารกระป๋องที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเพียงพออาจเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับแบคทีเรียเหล่านี้
เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโบทูลิซึม ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋องที่มีรอยบุบ บวม แตก หรือรั่ว ซึ่งอาจเป็นสัญญาญของการปนเปื้อนของแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังควรปรุงอาหารกระป๋องให้ร้อนจัดก่อนรับประทาน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจมีอยู่ หากคุณมีอาการหลังรับประทานอาหารกระป๋อง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดกล้ามเนื้อ สายตาพร่ามัว พูดลำบาก หรือหายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
4.บริโภคโซเดียมฟอสเฟสมากเกินไป อาหารกระป๋องอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ เนื่องจากผู้ผลิตมักใส่โซเดียมฟอสเฟตลงไปในซุปกระป๋องเพื่อช่วยในการถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติ แม้ว่าฟอสเฟตจะจำเป็นสำหรับการรับประทานอาหาร แต่ฟอสเฟตอินทรีย์ที่ใช้ในอาหารกระป๋องพบว่ารบกวนการควบคุมฮอร์โมน ซึ่งอาจนำไปสู่การทำลายเนื้อเยื่อในที่สุด และเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต และการสูญเสียกระดูก เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคฟอสเฟตมากเกินไป ควรอ่านฉลากโภชนาการของผลิตภัณฑ์และเลือกอาหารกระป๋องที่มีฟอสเฟตต่ำหรือไม่มีฟอสเฟตเลย คุณยังสามารถปรุงอาหารกระป๋องให้ร้อนจัดก่อนรับประทานเพื่อลดปริมาณฟอสเฟตลง
5.ปริมาณวิตามินซี และวิตามินบีต่ำ อาหารกระป๋องอาจมีปริมาณวิตามินซีและวิตามินบีต่ำกว่าอาหารสดหรืออาหารแช่แข็งเนื่องจากกระบวนการผลิตอาหารกระป๋องต้องใช้ความร้อนสูงซึ่งอาจทำให้วิตามินเหล่านี้สลายตัวไปได้ นอกจากนี้อาหารกระป๋องบางชนิดอาจมีสารกันบูดเติมเข้าไปเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
6.อาหารกระป๋องอาจมีสารบิสฟีนอลเอ (BPA) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มักใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงกระป๋อง ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายจากบุภายในไปยังอาหารได้ การศึกษาในมนุษย์บางชิ้นเชื่อมโยง BPA กับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และความผิดปกติทางเพศชาย