6 สุดยอดประโยชน์ด้านสุขภาพของ "มัทฉะ"

6 สุดยอดประโยชน์ด้านสุขภาพของ "มัทฉะ"

6 สุดยอดประโยชน์ด้านสุขภาพของ "มัทฉะ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มัทฉะ เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่พบได้ในร้านค้าเพื่อสุขภาพและร้านกาแฟ มีทั้งแบบช็อต ลาเต้ ชา และของหวานต่างๆ แม้จะเป็นชาเขียวเหมือนกัน แต่การปลูกมัทฉะนั้นแตกต่างจากชาเขียวทั่วไป มัทฉะมาจากต้นชาสายพันธุ์เดียวกันกับชาเขียว (Camellia sinensis) แต่เกษตรกรจะปลูกโดยให้ร่มเงาแก่ต้นชาเป็นส่วนใหญ่ การลดแสงแดดโดยตรงแบบนี้จะช่วยเพิ่มการผลิตคลอโรฟิลล์ เพิ่มปริมาณกรดอะมิโน และทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มกว่า (1Trusted Source)

หลังจากเก็บเกี่ยวใบชาแล้ว ผู้ผลิตจะนำไปแยกก้านใบออก เหลือเพียงใบชาบริสุทธิ์ แล้วนำไปบดละเอียดจนเป็นผงละเอียด นี่แหละคือมัทฉะ มัทฉะประกอบด้วยสารอาหารจากใบชาทั้งหมด จึงมีคาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวทั่วไป งานวิจัยเกี่ยวกับมัทฉะและส่วนประกอบของมันค้นพบประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยปกป้องตับ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และอาจช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ต่อไปนี้คือ 6 ประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจได้รับจากการดื่มมัทฉะ

6 ประโยชน์ด้านสุขภาพของมัทฉะ

1.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

มัทฉะอุดมไปด้วยคาเทชิน ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชชนิดหนึ่งในชาที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยทำให้โมเลกุลอิสระที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถทำลายเซลล์และก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เสถียรขึ้น แม้มัทฉะปลูกในที่ร่ม ทำให้ปริมาณคาเทชินเมื่อเก็บเกี่ยวจะต่ำกว่าชาเขียวชนิดอื่น แต่เมื่อชงละลายในน้ำ ปริมาณคาเทชินจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

งานวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการเสริมอาหารมัทฉะให้หนูทดลองช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากโมเลกุลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ การรวมมัทฉะไว้ในอาหารของคุณอาจเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด

2.ช่วยปกป้องตับ

ตับเป็นอวัยวะสำคัญต่อสุขภาพ ทำหน้าที่ขับล้างสารพิษ เผาผลาญยา และประมวลผลสารอาหาร งานวิจัยบางชิ้นพบว่ามัทฉะอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพตับ

  • บทวิจารณ์งานวิจัย 15 ชิ้นในปี 2015 ระบุว่า การดื่มชาเขียวเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคตับที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ผู้เชี่ยวชาญบางท่านตั้งข้อสังเกตว่า แม้มัทฉะอาจช่วยลดเอนไซม์ตับในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับไม่ติดเชื้อ (NAFLD) แต่ในผู้ที่ไม่มีโรค NAFLD อาจจะกลับเพิ่มเอนไซม์ตับได้ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาผลกระทบของมัทฉะต่อประชากรทั่วไป เนื่องจากงานวิจัยส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่แค่การทดลองผลกระทบของสารสกัดชาเขียวในสัตว์

3.เสริมสร้างสมอง

สารประกอบหลายชนิดในมัทฉะอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง การศึกษาหนึ่งกับผู้เข้าร่วม 23 คน วัดผลการทำงานสมองผ่านชุดทักษะต่างๆ ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานมัทฉะมีสมาธิ เวลาตอบสนอง และความจำที่ดีกว่ากลุ่มควบคุม อีกการศึกษาขนาดเล็กชี้ว่า การทานผงชาเขียว 2 กรัมทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ส่งผลดีต่อการทำงานสมองของผู้สูงอายุ

มัทฉะมีคาเฟอีนมากกว่าชาเขียว โดยทั่วไป ชาเขียวจะมีคาเฟอีนประมาณ 11–25 มิลลิกรัมต่อกรัม (mg/g) ขึ้นอยู่กับชนิด ยี่ห้อ และการผลิต ส่วนมัทฉะจะมี 19–44 mg/g นอกจากนี้ มัทฉะยังมีสารประกอบที่เรียกว่า L-theanine ซึ่งช่วยปรับเปลี่ยนผลกระทบของคาเฟอีน ทำให้รู้สึกตื่นตัว แต่ป้องกันอาการตื่นเต้นเกินไปและพลังงานตกเฉียบพลันหลังจากได้รับคาเฟอีน

4.มัทฉะกับมะเร็ง อาจช่วยป้องกันได้

แม้ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม แต่อาหารยอดนิยมอย่างมัทฉะก็อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้ สรรพคุณนี้เกี่ยวข้องกับสารประกอบบางชนิดในมัทฉะ โดยเฉพาะ เอพิคาเทชิน-3-กัลเลท (EGCG) คาเทชินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็งอย่างเห็นผล การดื่มมัทฉะก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ มากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ การทำงานของสมอง และสุขภาพหัวใจ ดังนั้น จึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ และสามารถเพลิดเพลินได้อย่างปลอดภัย

5.มัทฉะกับสุขภาพหัวใจ

แม้ยังต้องมีการวิจัยต่อเนื่อง แต่ก็มีสัญญาณดีๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของมัทฉะต่อสุขภาพหัวใจ งานวิจัยชี้ว่า การดื่มชาเขียว ซึ่งมีสารอาหารใกล้เคียงกับมัทฉะ อาจช่วยปกป้องโรคหัวใจได้ ประโยชน์ที่พบ ได้แก่ การดื่มชาเขียวอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อเทียบกับการดื่มกาแฟ มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า ชาเขียวอาจช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และลดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ในผู้ป่วยโรคหัวใจ

เนื่องจากมัทฉะมีสารประกอบคล้ายกับชาเขียว จึงมีผู้คาดการณ์ว่ามัทฉะอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยจากการศึกษาสัตว์ชิ้นหนึ่งที่ขัดแย้งกับข้อสรุปนี้ สรุปแล้ว แม้ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่ามัทฉะอาจส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ แต่ยังขาดหลักฐานยืนยันชัดเจนในมนุษย์ การดื่มมัทฉะในปริมาณพอเหมาะควบคู่กับการดูแลสุขภาพโดยรวมจึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด

6.ชาเขียวมัทฉะกับเส้นทางสู่หุ่นสวย

ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มที่อยู่คู่สายเฮลตี้และมักโผล่มาในสูตรลดน้ำหนัก บอกเลยว่าชาเขียว ต้องติดอันดับต้นๆ แน่นอน! และด้วยความนิยมของมัทฉะ หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้าชาเขียวเข้มข้นนี้มีดีต่อการลดน้ำหนักแค่ไหน งานวิจัยปี 2020 สรุปว่า การดื่มชาเขียวควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถช่วยลดค่าดัชนีมวลกรัม (BMI) ภายใน 12 สัปดาห์ ได้จริง โดยปริมาณชาเขียวที่แนะนำคือไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อวัน

แม้ส่วนใหญ่จะเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับชาเขียวทั่วไป แต่ต้องไม่ลืมว่ามัทฉะมาจากต้นชาเดียวกันและมีสารประกอบใกล้เคียงกัน จึงทำให้เกิดข้อสันนิบฐานว่ามัทฉะน่าจะมีประโยชน์ด้านการลดน้ำหนักเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยังขาดข้อมูลทดลองโดยตรงในมนุษย์เพื่อยืนยันประโยชน์ของมัทฉะต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้น สรุปได้ว่า มัทฉะอาจมีศักยภาพในด้านนี้แต่ยังไม่ชัดเจน สรุปแล้ว หากกำลังมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เข้ามาเสริมแผนการลดน้ำหนัก มัทฉะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ไม่ใช่ยารักษาทางลัด การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญสู่หุ่นสวยและสุขภาพดี

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook