ทำไม "น้ำสลัด" ตามท้องตลาดจึงอันตรายกว่าที่คิด

ทำไม "น้ำสลัด" ตามท้องตลาดจึงอันตรายกว่าที่คิด

ทำไม "น้ำสลัด" ตามท้องตลาดจึงอันตรายกว่าที่คิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สลัดเป็นหนึ่งในอาหารที่หลายคนนึกถึงอันดับต้น ๆ เมื่ออยากทานอาหารเพื่อสุขภาพ สลัดมักจะเป็นตัวเลือกที่เต็มไปด้วยผัก ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับไฟเบอร์จำนวนมาก (สารอาหารสำคัญที่คนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับไม่เพียงพอ) และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สลัดเปล่า ๆ ไร้น้ำสลัด ก็อาจจะ... น่าเบื่อไปหน่อย ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำสลัดที่คุณเลือก การราดน้ำสลัดลงไปบนสลัดของคุณนั้น อาจจะยิ่งเพิ่มสารอาหารหรือกลับลดทอนคุณค่าที่มีอยู่เดิมก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ว่าส่วนผสมของน้ำสลัดแบบไหนที่ทำให้สลัดของคุณมีสุขภาพดีขึ้น และแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะน้ำสลัดตามท้องตลาดที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปนั้นอันตรายกว่าที่คุณคิด นั่นเป็นเพราะสาเหตุใด

อันตรายของน้ำสลัดตามท้องตลาด

เมื่อเลือกน้ำสลัด หลายคนสงสัยว่าแบบครีมหรือแบบใสดีต่อสุขภาพกว่ากัน Bonnie Taub-Dix นักโภชนาการชื่อดัง บอกว่า น้ำสลัดครีมมักมีไขมันอิ่มตัวมากกว่าแบบใส ซึ่งมาจากทั้งน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากนม ไขมันอิ่มตัวไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไขมันไม่อิ่มตัว และสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำให้บริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 6% ของปริมาณแคลอรี่ต่อวัน

อย่างไรก็ตามชนิดของน้ำมันในน้ำสลัดเป็นตัวกำหนดสัดส่วนไขมัน และส่งผลต่อประโยชน์ของสุขภาพ ตัวอย่างเช่น น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่าน้ำมันพืช ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ Alexis Newman นักโภชนาการ แนะนำว่า "น้ำมันแต่ละชนิดมีองค์ประกอบทางโภชนาการที่แตกต่างกัน น้ำสลัดที่มีน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงเป็นตัวเลือกที่ดี ไขมันประเภทนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลดี (HDL) ซึ่งป้องกันโรคหัวใจและลดการอักเสบ"

สำหรับน้ำสลัดตามท้องตลาดมักจะมีส่วนประกอบเหล่านี้ ซึ่งทำให้น้ำสลัดนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

1.น้ำมันปาล์ม เจ้าตัวการนี้เป็นส่วนประกอบได้ทั้งในน้ำสลัดครีมและใส ก็เดาไม่ยากเลยเพราะน้ำมันปาล์มเป็นแชมป์เรื่องปริมาณไขมันอิ่มตัว

2.น้ำตาลที่แอบซ่อนอยู่ เชื่อไหมว่าน้ำตาลก็อยู่ในน้ำสลัดเหมือนกัน โดยเฉพาะน้ำสลัดรสผลไม้ น้ำสลัดฮิตอื่นๆ ที่ใส่น้ำตาลก็มีฮันนี่มัสตาร์ด สลัดอิตาเลียนหวาน น้ำตาลในน้ำสลัดมันมักแปลงร่างอยู่ ชื่ออย่าง ไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัป ซูโครส บาร์เลย์มอลต์ เดกซ์โทรส มอลโตส และไรซ์ไซรัป ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำตาลทั้งนั้น สรุปง่ายๆ สมาคมโรคหัวใจแนะนำให้ผู้หญิงกินน้ำตาลเพิ่มไม่เกิน 6 ช้อนชา (24 กรัม) ต่อวัน ส่วนผู้ชาย 9 ช้อนชา (26 กรัม) กินน้ำตาลเยอะไป เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเพียบ อย่างอ้วน เบาหวาน ชนิดที่ 2 โรคหัวใจ บางชนิดของมะเร็ง และอัลไซเมอร์

3.เกลือศัตรูหัวใจ เกลือเป็นส่วนผสมพื้นฐานในน้ำสลัดแทบทุกชนิด และผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรระวังเป็นพิเศษ เพราะเกลือมีโซเดียม ซ้ำเติมโซเดียมมากเกินไป เสี่ยงโรคหัวใจแน่นอน งานวิจัยชี้ว่า โซเดียมทุก 1 กรัม เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ 6% เลยทีเดียว สมาคมโรคหัวใจแนะนำ บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน ประมาณเกลือ 1 ช้อนชา ส่วนผู้มีภาวะความดันโลหิตสูง จำกัดเหลือแค่ 1,500 มิลลิกรัม

4.ผงชูรส บางน้ำสลัดก็มีผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต ทำจากแหล่งคาร์โบไฮเดรตหมัก พวกหัวบีท ใส่ในน้ำสลัดเพื่อเพิ่มรสอูมามิ เคี้ยวนัวๆ ชวนน้ำลายไหล งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า การกินอาหารผงชูรสมากๆ อาจก่อการอักเสบในร่างกายได้ แถมการกินผงชูรสมากๆ นังเชื่อมโยงกับความอ้วน โรคตับ และปัญหาระบบประสาท

5.น้ำมันมะพร้าว แม้จะฟังดูดี แต่น้ำมันมะพร้าวก็อุดมไขมันอิ่มตัวเช่นกัน ควรเลี่ยง แทนที่จะเลือกน้ำสลัดใส่น้ำมันมะพร้าว แนะนำให้เลือกใช้อะโวคาโดออยล์หรือน้ำมันมะกอก แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติ อย่าประมาทพลังของสมุนไพรสดอย่างกระเทียม ใบโหระพา หรือไทม์ นอกจากอร่อย สมุนไพรยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดีต่อหัวใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook