5 วิธีนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ตัวช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนักได้ผล

5 วิธีนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ตัวช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนักได้ผล

5 วิธีนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ตัวช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนักได้ผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ทั้งยังพบว่าผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมง หรือมากกว่า 8 ชั่วโมง จะประสบปัญหากับการลดน้ำหนัก เนื่องจากการนอนหลับ ส่งผลโดยตรงต่อฮอร์โมนในร่างกาย การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถยกระดับฮอร์โมนความหิว ส่งผลให้อยากอาหารเพิ่มขึ้น และกินมากเกินไป การนอนหลับไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสมอง แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตเกรลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนความหิวอีกด้วย จึงขอแนะนำ 5 วิธีช่วยให้หลับอย่างมีคุณภาพ โดยสาวๆ สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

1.พักผ่อนช่วงเวลาทองคำ

หากต้องการนอนเพื่อลดน้ำหนัก สาว ๆ ควรนอนระหว่าง 22.00 น. ถึงตี 3 เนื่องจากเป็นช่วงทองของการผลิตฮอร์โมนเจริญเติบโต ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย วงจรการนอนหลับ สามารถแบ่งออกได้ง่ายเป็นสองขั้นตอนหลัก คือ การนอนหลับปกติและการนอนหลับในฝัน การนอนหลับปกติถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมี 2 ช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถเข้าสู่การนอนหลับลึกได้ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต จะถูกปล่อยออกมาในช่วง 3 ชั่วโมงแรกของการนอนหลับ หลังจากนั้นแทบจะไม่ได้ปล่อยออกมาเลย

2.ไม่นอนนานเกินไป

คนที่นอนหลับในปริมาณที่เหมาะสม จะมีน้ำหนักลดลงอย่างมากถึง 55% หลังจากผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ ในทางกลับกัน การนอนหลับไม่เพียงพอ อาจทำให้ฮอร์โมนเกรลินหลั่ง ซึ่งกระตุ้นความอยากอาหาร ในทางกลับกัน คนที่นอนหลับมากเกินไป มากกว่า 9 ชั่วโมงต่อคืน มีความเสี่ยงที่จะน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ที่นอนหลับ 6-8 ชั่วโมง มีการศึกษาพบว่าผู้ที่นอนหลับต่อเนื่องเกิน 9 ชั่วโมง มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูงขึ้น 21% เพราะการนอนหลับมากเกินไป จะรบกวนกระบวนการทางชีววิทยาของร่างกาย และมีผลข้างเคียงอื่น ๆ มากมาย

3.สร้างบรรยากาศที่เหมาะสม

สภาพแวดล้อมในการนอนหลับ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งการพักผ่อนและประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก แนะนำให้นอนในบรรยากาศที่เย็นสบาย เพราะช่วยในการเผาผลาญไขมัน และกระตุ้นการเผาผลาญ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับอากาศแห้ง และผลกระทบต่อการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวหนัง ขอแนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้น นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องนอนในห้องมืด จะช่วยยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งส่งผลต่อความสามารถของร่างกาย ในการควบคุมการเผาผลาญ และเพิ่มความเสี่ยงที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น

4.หลับต่อเนื่อง 7 ชั่วโมงเต็ม

การวิจัยที่ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา ระบุว่าผู้ที่นอนหลับเพียง 5 ชั่วโมง มีโอกาสมีน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้น 52% นอกจากนี้ ผู้ที่นอนเพียง 4 ชั่วโมง มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเปรียบเทียบค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้ที่นอน 7 ชั่วโมงกับผู้ที่นอนหลับ 4-5 ชั่วโมง พบว่าฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร ถูกปล่อยออกมาในระดับน้อยกว่าผู้ที่นอนหลับ 7 ชั่วโมง จึงแสดงให้เห็นว่าระยะเวลาการนอนหลับ มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับความหิว

5.มื้ออาหารสุดท้าย ต้อง 3 ชั่วโมงก่อนนอน

ช่วงเย็น เมื่อร่างกายไม่ต้องการพลังงาน แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากใช้เวลาย่อยนานกว่า และระบบย่อยอาหาร มักต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในการย่อย การบริโภคอาหารเย็น จึงต้องห่างจากเวลานอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากช่วยให้นอนหลับสบายและผ่อนคลาย ไม่ออกแรงมากเกินไป

หากเวลาระหว่างมื้อเย็น และเวลานอนสั้นเกินไป ร่างกายจะยังคงย่อยอาหารและพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้นอนไม่หลับ  ซึ่งการขาดพักผ่อน จะทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้มีการสะสมไขมันเพิ่มขึ้น และน้ำหนักขึ้นได้ง่ายเลยทีเดียว

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook