มีเซ็กส์บ่อย “ดีจริง” หรือ “อันตราย” มีแค่ไหนถึงพอดี
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดัง เปิดเผยว่าการมีเพศสัมพันธ์บ่อยเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในสตรีได้ เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิง ตั้งอยู่ใกล้กับช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ผ่านทางท่อปัสสาวะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ อาจลดการหล่อลื่นในช่องคลอด ทำให้เกิดอาการปวด แสบร้อน หรือมีรอยแดง หลังมีเพศสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในอนาคต
ข้อดีของการมีเซ็กส์บ่อยครั้ง ให้ประโยชน์อะไรบ้าง
การวิจัยก่อนหน้านี้ พบว่านอกจากการมีเซ็กส์จะเป็นกิจกรรมที่น่าพึงพอใจแล้ว การมีบ่อยครั้งยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย คือ
- กิจกรรมทางเพศสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
- ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ
- เพิ่มความต้องการทางเพศ
- ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงของมะเร็งอัณฑะในผู้ชาย
- เซ็กส์เป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายที่ดี สามารถลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลว
- ลดความเครียด ทำให้จิตใจสงบ และบรรเทาความวิตกกังวล
ข้อเสียของการมีเซ็กส์บ่อยเกินไปคืออะไร
นอกจากประโยชน์ของการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังเปิดเผยว่าการมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านสุขภาพ แนะนำว่ากิจกรรมทางเพศที่มากเกินกว่าจำเป็น อาจทำให้เกิดปัญหาต่อไปนี้
- ผู้หญิงอาจมีอาการปวดอวัยวะสืบพันธุ์ จากการเสียดสีระหว่างอวัยวะเพศชาย กับผนังช่องคลอด
- อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ เนื่องจากการออกแรงทางกายภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการมีเซ็กส์ ดังนั้นจึงแนะนำให้ดื่มน้ำหลังทำกิจกรรม
- อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างได้ เนื่องจากกิจกรรมทางเพศ มักต้องใช้หลังส่วนล่างในการดัน ยิ่งยืดเยื้อยิ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย
- ทำให้เกิดรอยช้ำหรือปวดบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น
- ทำให้เส้นประสาทเสียหายได้ง่าย
- ทำให้กล้ามเนื้อตึงได้มากกว่าปกติ
- เกิดความเหนื่อยล้ามากขึ้น
- ทำให้เกิดภาวะหัวใจรุนแรงในกรณีที่มีภาวะหัวใจอยู่แล้ว หรือปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ
การมีเซ็กส์ที่พอเหมาะ ต้องแค่ไหน? ถึงไม่ทำลายสุขภาพ
โดยปกติแล้ว ไม่มีปริมาณที่แน่นอนที่ถือว่ามากเกินไป เมื่อพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุ อย่างไรก็ตาม การวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา พบว่าความถี่เฉลี่ยของกิจกรรมทางเพศ สำหรับกลุ่มอายุต่าง ๆ คือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-29 ปี มีการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉลี่ยควรอยู่ที่ 112 ครั้งต่อปี ผู้ที่มีอายุ 30-39 ปี การมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ย 86 ครั้งต่อปี การมีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จึงถือเป็นเรื่องปกติ และไม่สร้างปัญหาใด ๆ นอกจากนี้ การมีทุกวันไม่ได้แปลว่ามีกิจกรรมทางเพศมากเกินไป ตราบใดที่คู่รักยังคงเพลิดเพลินกับกิจกรรมนี้ ดังนั้น สัญญาณของกิจกรรมทางเพศที่มากเกิน อาจสังเกตได้จากความรู้สึกไม่สบายใจ หรือไม่เต็มใจที่จะมีด้วย
คู่รักที่ต้องการมีบุตร มักได้รับคำแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ดำเนินการในปี 2548 พบว่าจำนวนอสุจิ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น หากผู้ชายไม่หลั่งน้ำอสุจิเป็นเวลาหลายวัน และจะลดลงหากมีการหลั่งมากเกินไป หากคุณต้องการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ควรบอกให้แฟนหนุ่มของคุณ ควบคุมตัวเองและงดการหลั่ง 2-3 วัน ก่อนมีเพศสัมพันธ์