วิธีกำจัดกลิ่นแมวในบ้านให้ได้ผลถาวร แขกมาเยี่ยมไม่ทำจมูกย่น

วิธีกำจัดกลิ่นแมวในบ้านให้ได้ผลถาวร แขกมาเยี่ยมไม่ทำจมูกย่น

วิธีกำจัดกลิ่นแมวในบ้านให้ได้ผลถาวร แขกมาเยี่ยมไม่ทำจมูกย่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลิ่นแมวที่ติดอยู่นานเป็นปัญหาปวดหัวสำหรับเจ้าของบ้าน แม้ว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านจะคุ้นชินจนแทบไม่ได้กลิ่นแล้ว แต่รับรองว่าแขกที่มาเยี่ยมหรือผู้ซื้อบ้านย่อมสัมผัสได้ นอกจากนี้กลิ่นแมวยังส่งผลต่อตัวแมวเองอีกด้วย แมวใช้ปัสสาวะในการปักปักดินแดน ดังนั้น แมวที่ได้กลิ่นของแมวตัวอื่น โดยเฉพาะแมวจากบ้านอื่น อาจมีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ก้าวร้าว กระวนกระวาย หรือ ปัสสาวะในสถานที่ไม่เหมาะสม เช่น นอกกระบะทราย

แมวที่ปัสสาวะบนพรมบ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะมีกลิ่นปัสสาวะเก่าติดอยู่บริเวณนั้น ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าอะไรทำให้กลิ่นแมวติดอยู่นาน และการเรียนรู้วิธีกำจัดกลิ่นเหล่านี้ จะช่วยให้บ้านของคุณเป็นสถานที่น่าอยู่อาศัยและน่าแวะเวียนมากขึ้นครับ

5 วิธีกำจัดกลิ่นแมว

ทำไมกลิ่นแมวถึงได้กำจัดยาก

กลิ่นแมวโดยเฉพาะกลิ่นปัสสาวะแมว มักกำจัดออกได้ยาก เนื่องจากองค์ประกอบทางเคมี

“ปัสสาวะแมวประกอบไปด้วยกรดยูริก รวมทั้งสารประกอบอื่นๆ เช่น ฟีโรโมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่กำลังปักปักดินแดน” บรูซ แวนซ์ ช่างทำความสะอาดบ้านมืออาชีพกล่าว “น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปไม่สามารถขจัดกรดยูริกออกได้ ซึ่งกรดยูริกนี้สามารถติดอยู่ในบ้านเป็นเวลาหลายปี”

ปัสสาวะแมวยังประกอบไปด้วยยูเรีย ซึ่งเป็นสารประกอบอีกชนิดที่เกิดจากการสลายตัวของโปรตีน ยูเรียเองไม่มีกลิ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยูเรียจะสลายตัวกลายเป็นแอมโมเนีย (ammonia) ซึ่งมีกลิ่นแรง ดังนั้น ปัสสาวะแมวจึงมักมีกลิ่นแรงขึ้นตามกาลเวลา

วิวัฒนาการของแมวยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก “แมวมีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ทะเลทราย พวกมันจึงเก่งในการรักษาสมดุลของน้ำ” ดร. เชอร์ล บองค์ สัตวแพทย์กล่าว “ส่งผลให้ปัสสาวะของแมวมีความเข้มข้นสูง”

นอกจากปัสสาวะแมวแล้ว ขนแมว อาเจียน รังแค และอุจจาระ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านมีกลิ่นได้เช่นกัน กระบะทรายของแมวอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง หมั่นทำความสะอาดกระบะทรายอยู่เสมอเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์

แม้กลิ่นแมวจะเก่าหรือใหม่ ก็น่ารำคาญใจ แต่สามารถกำจัดออกได้ วิธีการกำจัดกลิ่นฉี่แมวบนเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ พรม และวัสดุอื่นๆ อาจยุ่งยากเป็นพิเศษ

หากเพิ่งเลอะให้ซับหรือเช็ดปัสสาวะแมว อาเจียน ฯลฯ ออกให้มากที่สุดด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าเก่า

1. น้ำส้มสายชูกลั่น: ผสมน้ำส้มสายชูกลั่น 1 ส่วนกับน้ำ 4 ส่วน เทใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 10 นาที เช็ดให้แห้ง กรดในน้ำส้มสายชูจะช่วยขจัดกรดยูริกและกลิ่นแอมโมเนีย

2. เบกกิ้งโซดา: โรยเบกกิ้งโซดาลงบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 10-12 ชั่วโมง ดูดซับกลิ่น จากนั้นดูดฝุ่นเบกกิ้งโซดาออก

3. เอนไซม์ทำความสะอาด: ซื้อน้ำยาทำความสะอาดที่มีเอนไซม์ที่ออกแบบมาสำหรับกำจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยง เอนไซม์จะย่อยกรดยูริกและกลิ่นแอมโมเนีย

4. น้ำยาฟอกขาว: ผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนกับน้ำ 10 ส่วน เทใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 10 นาที เช็ดให้แห้ง ข้อควรระวัง: น้ำยาฟอกขาวอาจทำให้เนื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์เสียหาย

5. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์: ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% กับน้ำ 1 ส่วน เทใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 10 นาที เช็ดให้แห้ง ข้อควรระวัง: ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อาจทำให้เนื้อผ้าบางชนิดเสียหาย

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ทำความสะอาดบริเวณที่แมวชอบไป: แมวอาจกลับมาปัสสาวะหรืออาเจียนที่เดิมอีก
  • ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวดูดสำหรับขนสัตว์: กำจัดขนแมว รังแค และสิ่งสกปรกอื่นๆ
  • เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท: ช่วยระบายกลิ่นอับ

หากกลิ่นแมวติดแน่นอนานควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook