<font color=996633> วิทยายุทธ์ เลี้ยงลูกให้ "เก่ง ดี มีสุข"</font>
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ คงไม่มีอะไรน่า "ปลื้มใจ" ไปกว่าการได้เห็นพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย ยิ่งถ้าเจ้าตัวเล็กเก่งเกินวัย ส่อแววความเป็น "อัจฉริยะ" ออกมาให้เห็นก็ยิ่งชื่นอกชื่นใจกันไปใหญ่ เพื่อช่วยเสริมสร้างให้เด็กมีพัฒนาการ "เก่ง ดี มีความสุข" โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ จึงจัดกิจกรรม "เลี้ยงลูกกับคุณหมอ...ก่อลูกอัจฉริยะ" สำหรับเด็กวัย 4-6 เดือน นพ.จอม ชุมช่วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น บอกว่า ปัจจุบันพัฒนาการเด็กเป็นเรื่องสำคัญ จริงอยู่ที่สมัยนี้มีหนังสือคู่มือการเลี้ยงเด็กออกมามาก แต่ปัญหาบางเรื่องหนังสือไม่มีแนะนำไว้ การพาเด็กมาพบแพทย์เป็นเรื่องสำคัญ "เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลี้ยงลูกให้เก่ง ควรเลี้ยงให้เก่ง ดี และมีความสุขในแบบของเขา อย่าคาดหวังว่าต้องเก่งเหมือนคนโน้นคนนี้ สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์หลากหลาย ส่งเสริมสิ่งที่เด็กถนัด และคอยให้กำลังใจสม่ำเสมอ" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น บอกอีกว่า เด็ก 99% ชอบศิลปะ เพราะเด็กมีจินตนาการอยู่แล้ว การสอนศิลปะเด็กจึงเป็นเรื่องง่าย ควรส่งเสริมตั้งแต่อายุยังน้อย เช่นวาดรูป ปั้นดินน้ำมัน แต่พ่อแม่ไม่ควรตีกรอบให้เด็ก ปล่อยให้เขาทำตามจินตนาการ เพราะถ้าตีกรอบ เด็กจะไม่สนุก และไม่ชอบศิลปะไปเลย พญ.เกศินี โอวาสิทธิ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ช่วงขวบปีแรกเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของพัฒนาการเด็ก เพราะประสาทสมองแตกตัวเยอะ จึงควรส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้มากๆ ด้วยการส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน "เคล็ดลับการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก อย่างแรกพ่อแม่ต้องมีเวลาคุณภาพให้ลูก ซึ่งการมีเวลาไม่ได้หมายถึงนั่งมองลูกเฉยๆ แต่ต้องมีกิจกรรมทำร่วมกับเขา อาจจะพูดคุย หรือเล่นกับเขา เพราะของเล่นที่ดีที่สุดของลูกคือพ่อแม่ และระหว่างที่ทำกิจกรรมร่วมกัน ให้พยายามเรียนรู้นิสัยของลูกไปด้วย เพื่อจะได้รู้จักเขามากขึ้นและตอบสนองอารมณ์ของเขาถูก โดยกิจกรรมสามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิด นอกจากนี้ พ่อแม่ควรหาคู่มือต่างๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมาศึกษาเพื่อเป็นความรู้เบื้องต้น ส่วนเรื่องสุขภาพควรดูแลให้ดี เพราะถ้าสุขภาพกายไม่ดีจะส่งผลต่อใจ และต่อพัฒนาการเรียนรู้ ดังนั้น ช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ปีจึงเป็นช่วงที่พ่อแม่ต้องทุ่มเท" อย่าเลี้ยงลูกเป็นตุ๊กตา กินนม นอน เปลี่ยนผ้าอ้อม เพราะไม่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กเลยสักนิดเดียว