10 ผลไม้น้ำตาลต่ำ อยากหวานทานได้ น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง

10 ผลไม้น้ำตาลต่ำ อยากหวานทานได้ น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง

10 ผลไม้น้ำตาลต่ำ อยากหวานทานได้ น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การลดน้ำตาลเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่การอดใจจากของหวานนั้นยากเหลือเกิน คุณอาจตัดน้ำตาลที่ปรุงแต่งออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าผลไม้เองก็มีน้ำตาลอยู่เหมือนกัน หรือบางคนอาจเป็นโรคเบาหวานและต้องการเลือกผลไม้ที่จะส่งผลต่อน้ำตาลในเลือดน้อยที่สุด แม้ว่าผลไม้จะมีสารอาหารสำคัญมากมาย แต่บางชนิดก็มีน้ำตาลมากกว่าชนิดอื่น ๆ บทความนี้จะแนะนำผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยที่สุด ช่วยให้คุณอิ่มอร่อยกับของหวานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล

10 ผลไม้น้ำตาลต่ำ

1.มะนาว และมะกรูด เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีสูง มะกรูดมีน้ำตาลเพียง 1.13 กรัม และมะนาวมีน้ำตาล 2.1 กรัม ด้วยความเปรี้ยวและน้ำตาลต่ำ มะนาวและมะกรูดจึงเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับการเพิ่มรสชาติให้กับน้ำเปล่าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล นอกจากนี้ มะนาวและมะกรูดยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในมะนาวและมะกรูดช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ต้านอนุมูลอิสระ: วิตามินซีในมะนาวและมะกรูดช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  • ช่วยย่อยอาหาร: กรดซิตริกในมะนาวและมะกรูดช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  • บำรุงผิว: วิตามินซีในมะนาวและมะกรูดช่วยบำรุงผิวพรรณ ให้ผิวกระจ่างใส
  • ลดความเสี่ยงของนิ่วในไต: กรดซิตริกในมะนาวและมะกรูดอาจช่วยลดความเสี่ยงของนิ่วในไต

มะนาวและมะกรูด จึงเป็นผลไม้ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่ เหมาะสำหรับการนำมาประกอบอาหาร เครื่องดื่ม หรือทานสด เพื่อสุขภาพที่ดี

2.ราสเบอร์รี่ ผลไม้หวานน้อย อุดมด้วยไฟเบอร์ ราสเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เพียง 5 กรัมต่อถ้วย ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำตาลประมาณ 1 ช้อนชา ราสเบอร์รี่ยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ราสเบอร์รี่จึงเป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่น่าทึ่งที่ควรนำมารับประทาน

ประโยชน์ของราสเบอร์รี่

  • น้ำตาลน้อย: ราสเบอร์รี่มีน้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • ไฟเบอร์สูง: ราสเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • วิตามินซี: ราสเบอร์รี่เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • แมงกานีส: ราสเบอร์รี่เป็นแหล่งแมงกานีสที่ดี ช่วยบำรุงกระดูกและเนื้อเยื่อ
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: ราสเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด

3.สตรอเบอร์รี่ แม้จะมีรสหวานฉ่ำและอร่อย แต่สตรอเบอร์รี่กลับมีน้ำตาลน้อยอย่างน่าประหลาดใจ สตรอเบอร์รี่ดิบ 1 ถ้วย มีน้ำตาลเพียง 7 กรัม  และยังมีวิตามินซีมากกว่า 100% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันอีกด้วย

ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่:

  • น้ำตาลน้อย: สตรอเบอร์รี่มีน้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • วิตามินซีสูง: สตรอเบอร์รี่เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • แมงกานีส: สตรอเบอร์รี่เป็นแหล่งแมงกานีสที่ดี ช่วยบำรุงกระดูกและเนื้อเยื่อ
  • ใยอาหาร: สตรอเบอร์รี่มีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: สตรอเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด

4.แบล็กเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยเช่นกัน มีน้ำตาลเพียง 7 กรัมต่อถ้วย และยังมีจุดเด่นเพิ่มเติมคือ เป็นผลไม้สีเข้มที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์

ประโยชน์ของแบล็กเบอร์รี่:

  • น้ำตาลน้อย: แบล็กเบอร์รี่มีน้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • สารต้านอนุมูลอิสระสูง: แบล็กเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  • ไฟเบอร์สูง: แบล็กเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • วิตามิน: แบล็กเบอร์รี่มีวิตามินซี วิตามินเค แมงกานีส และวิตามินอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แร่ธาตุ: แบล็กเบอร์รี่มีแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส

5.กีวี ผลไม้สีเขียวเนื้อนุ่มขนปุยนี้ จัดเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ กีวีอุดมไปด้วยวิตามินซี แต่มีน้ำตาลต่ำ เพียง 6.7 กรัมต่อผล กีวีหาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปตลอดทั้งปี

ประโยชน์ของกีวี:

  • วิตามินซีสูง: กีวีเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ใยอาหารสูง: กีวีมีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • โพแทสเซียม: กีวีมีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • แมกนีเซียม: กีวีมีแมกนีเซียมสูง ช่วยบำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
  • วิตามินเค: กีวีมีวิตามินเค ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: กีวีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด

6.เกรปฟรุต ผลไม้ตระกูลส้มอีกชนิดหนึ่งที่ติดโผผลไม้หวานน้อย แม้เกรปฟรุตจะมีรสเปรี้ยวกว่าองุ่น แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอาหารเช้า โดยเกรปฟรุตครึ่งลูก มีน้ำตาลเพียง 10.6 กรัม

ประโยชน์ของเกรปฟรุต:

  • น้ำตาลต่ำ: เกรปฟรุตมีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • ไฟเบอร์สูง: เกรปฟรุตมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • วิตามินซี: เกรปฟรุตเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: เกรปฟรุตมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  • ช่วยลดน้ำหนัก: เกรปฟรุตมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มท้องนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

7.อะโวคาโด อาจไม่ใช่ผลไม้ที่หลายคนนึกถึง แต่แท้จริงแล้ว อะโวคาโดจัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง และมีน้ำตาลต่ำตามธรรมชาติ อะโวคาโดดิบ 1 ผล มีน้ำตาลเพียง 1 กรัมเท่านั้น อะโวคาโดยังอุดมไปด้วยไขมันดี ช่วยให้อิ่มท้องนาน

ประโยชน์ของอะโวคาโด:

  • น้ำตาลต่ำ: อะโวคาโดมีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • ไขมันดีสูง: อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันดี เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • ใยอาหารสูง: อะโวคาโดมีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • วิตามินและแร่ธาตุ: อะโวคาโดมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม แมกนีเซียม
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: อะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด

8.แตงโม ผลไม้หน้าร้อนสุดคลาสสิก หลายคนอาจคิดว่าทานแตงโมแล้วจะอ้วน แต่แท้จริงแล้ว แตงโมมีน้ำตาลต่ำ แตงโมหั่นเต๋า 1 ถ้วย มีน้ำตาลน้อยกว่า 10 กรัม

ประโยชน์ของแตงโม:

  • น้ำตาลต่ำ: แตงโมมีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล
  • น้ำสูง: แตงโมมีน้ำสูง ช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น
  • วิตามินและแร่ธาตุ: แตงโมเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมาย
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: แตงโมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  • ช่วยลดความร้อน: แตงโมช่วยลดความร้อนในร่างกาย เหมาะสำหรับทานในช่วงหน้าร้อน

9.แคนตาลูป มีเนื้อสีส้มสดใส ซึ่งเป็นผลมาจากวิตามินเอที่มีสูง เมลอนแสนอร่อยนี้ 1 ถ้วย มีน้ำตาลน้อยกว่า 13 กรัม แม้จะมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ แต่ก็ยังน้อยกว่าน้ำอัดลมกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ ซึ่งมีน้ำตาลเกือบ 40 กรัม และมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก

ประโยชน์ของแคนตาลูป:

  • วิตามินเอสูง: แคนตาลูปเป็นแหล่งวิตามินเอที่ดี ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินซี: แคนตาลูปเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • โพแทสเซียม: แคนตาลูปมีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ใยอาหาร: แคนตาลูปมีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: แคนตาลูปมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด

10.ส้ม เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของว่างหวานๆ ที่คุณสามารถทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่หรือน้ำตาลมากเกินไป ส้มยังเป็นแหล่งวิตามินซีชั้นดีอีกด้วย ส้มสายน้ำผึ้งทั่วไป 1 ผล มีน้ำตาลประมาณ 14 กรัม และให้พลังงาน 77 แคลอรี่

ประโยชน์ของส้ม:

  • วิตามินซีสูง: ส้มเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ใยอาหาร: ส้มมีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • โพแทสเซียม: ส้มมีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: ส้มมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  • ช่วยลดน้ำหนัก: ส้มมีใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มท้องนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook