9 เทคนิคเปลี่ยนผมบางให้ดูหนาขึ้น ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์

9 เทคนิคเปลี่ยนผมบางให้ดูหนาขึ้น ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์

9 เทคนิคเปลี่ยนผมบางให้ดูหนาขึ้น ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครที่มีปัญหาผมบาง คงจะเข้าใจดีว่าการจะหาไอเดียจัดทรงผมให้ดูหนาขึ้นนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน บางคนอาจจะลองใช้สารเคมีดัดผม ยืดผม หรือต่อผม แต่ก็ล้วนมีผลเสียต่อเส้นผมในระยะยาว บทความนี้ Vogue ขอพาทุกคนมาพบกับเคล็ดลับสุดพิเศษจากช่างผมชื่อดัง Luke Hersheson ผู้มีประสบการณ์จัดทรงผมให้กับเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dua Lipa หรือ Victoria Beckham เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้ผมบางของคุณดูหนาขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีใดๆ

1.แชมพูและครีมนวดผมไม่ได้ช่วยให้ผมหนาขึ้นจริงหรือ?

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า การใช้แชมพูและครีมนวดผมสูตรเพิ่มวอลลุ่มจะช่วยให้ผมหนาขึ้น แต่ Luke Hersheson ช่างผมชื่อดังกลับบอกว่า สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือ อะไรที่เราไม่ควรทำ มากกว่า

"การใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสม หรือใช้มากเกินไป อาจทำให้ผมดูหนักลงและลีบแบน ส่งผลให้ผมดูบางลงได้" Hersheson อธิบาย "ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้มาส์กผมและครีมนวดผมเนื้อหนัก เพื่อช่วยคงความหนาและวอลลุ่มของเส้นผม"

แทนที่จะทุ่มเทเวลาและเงินไปกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ Hersheson แนะนำให้เรามุ่งเน้นไปที่วิธีการดูแลเส้นผม ดังนี้

  • สระผมอย่างถูกวิธี: เลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพผม สระผมด้วยน้ำอุ่น และนวดหนังศีรษะเบาๆ ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็น
  • ใช้ครีมนวดผมในปริมาณที่พอเหมาะ: ทาครีมนวดผมเฉพาะปลายผม นวดทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออกให้สะอาด
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: การเป่าผมด้วยความร้อนสูง การหนีบผม หรือการม้วนผมบ่อยๆ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเสียและแห้งกร้าน ส่งผลให้ผมดูบางลง
  • เล็มปลายผมเป็นประจำ: การเล็มปลายผมที่แห้งเสียแตกปลายออก จะช่วยให้ผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์: ทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น ไบโอติน สังกะสี และเหล็ก
  • จัดการความเครียด: ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผมร่วง พยายามหาเวลาผ่อนคลาย ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

2.กุญแจสำคัญสู่ผมหนา: เริ่มต้นด้วยการตัดผมที่ดี

Hersheson บอกเราว่า กุญแจสำคัญสู่ผมที่ดูหนาที่สุดคือ การตัดผมที่ดี

"การตัดผมที่ดีเปรียบเสมือนรากฐานของการจัดแต่งทรงผมทุกประเภท จำเป็นต้องมีรูปทรงและการตัดแต่งที่ชัดเจนก่อน มิฉะนั้นก็เหมือนกับอาคารที่ไม่มีรากฐาน ผมที่ตัดไม่ดีจะต้านทานแรงโน้มถ่วงไม่ได้ เพราะน้ำหนักของมันจะดึงผมลง"

หากขาดการตัดผมที่ดี ต่อให้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือจัดแต่งทรงผมราคาแพงแค่ไหน ก็ยากที่จะสร้างวอลลุ่มให้กับเส้นผมได้

3.เพิ่มลูกเล่นด้วยผมสั้นบริเวณหน้าผาก ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น

Hersheson บอกเราว่า การตัดผมสั้นบางส่วนบริเวณด้านหน้า เช่น การตัดหน้าม้าให้ยาวขึ้น หรือการซอยผมไล่ระดับบริเวณใบหน้า ก็สามารถช่วยให้ผมดูหนาขึ้นได้

"เทคนิคนี้ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แทนที่จะดูแบนตรงและเหมือนม่าน" Hersheson อธิบาย

การตัดผมสั้นบริเวณหน้าผากมีข้อดีดังนี้

  • ช่วยดึงความสนใจมาที่ใบหน้า ทำให้ผมดูหนาขึ้น
  • เพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้กับทรงผม
  • ช่วยพรางรูปหน้า

ทรงผมสั้นบริเวณหน้าผากที่เหมาะกับผมบาง

  • หน้าม้าสั้น: หน้าม้าสั้นจะช่วยดึงความสนใจมาที่ดวงตา ทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น
  • หน้าม้าปัดข้าง: หน้าม้าปัดข้างจะช่วยพรางรูปหน้าและทำให้ผมดูหนาขึ้น
  • ซอยไล่ระดับ: การซอยไล่ระดับบริเวณใบหน้าจะช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้กับทรงผม

Hersheson แนะนำเทคนิคการตัดผมสำหรับผมบางดังนี้

  • เลเยอร์: การตัดผมแบบเลเยอร์จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม โดยเฉพาะบริเวณโคนผม
  • ซอย: การซอยปลายผมจะช่วยให้ผมดูมีชีวิตชีวาและหนาขึ้น
  • หน้าม้า: หน้าม้าสามารถช่วยพรางผมบางบนหนังศีรษะได้
  • แสกข้าง: การแสกข้างจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากหนังศีรษะและทำให้ผมดูหนาขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมบางได้ เช่น

  • ดัดผม: การดัดผมจะช่วยให้ผมดูมีวอลลุ่มและหนาขึ้น
  • ม้วนผม: การม้วนผมจะช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้กับเส้นผมและทำให้ผมดูหนาขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบางชนิด เช่น สเปรย์เพิ่มวอลลุ่ม มูส หรือครีมจัดแต่งทรงผม สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมบางได้

ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าผมของคุณจะดูหนาขึ้น สุขภาพดี และมีวอลลุ่มมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

4.ผมบางบริเวณขมับและด้านข้าง? แก้ปัญหาด้วย "ฟิลเลอร์ผม"

หลายคนประสบปัญหาผมบางบริเวณขมับและด้านข้างของศีรษะ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น "ฟิลเลอร์ผม" หรือการต่อผมแบบเฉพาะจุดบริเวณด้านข้างศีรษะ สามารถช่วยเพิ่มความหนาของเส้นผมได้

Hersheson อธิบายว่า ฟิลเลอร์ผมเหล่านี้จะถูกติดตั้งอย่างแนบเนียน ไม่ได้ดูเป็นการต่อผมแบบหนาๆ จนดูไม่เป็นธรรมชาติ ดาราหลายคนต่างใช้เทคนิคนี้บนพรมแดง "และคุณอาจจะไม่เคยสังเกตเห็นเลย"

ข้อดีของการใช้ฟิลเลอร์ผม

  • ช่วยเพิ่มความหนาของเส้นผมบริเวณที่บาง
  • ปกปิดหนังศีรษะที่บาง
  • เพิ่มความมั่นใจ
  • ติดตั้งและถอดออกได้ง่าย
  • ไม่ทำลายเส้นผม

ใครเหมาะกับการใช้ฟิลเลอร์ผม

  • ผู้ที่มีปัญหาผมบางบริเวณขมับหรือด้านข้างของศีรษะ
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาให้กับทรงผม
  • ผู้ที่ต้องการปกปิดหนังศีรษะที่บาง
  • ผู้ที่ต้องการลองเปลี่ยนทรงผมโดยไม่ต้องตัดผมจริง

ข้อควรระวัง

  • ควรเลือกฟิลเลอร์ผมจากร้านที่มีมาตรฐาน
  • ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งฟิลเลอร์ผม
  • ควรดูแลรักษาฟิลเลอร์ผมอย่างถูกวิธี

ฟิลเลอร์ผมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง สามารถช่วยเพิ่มความหนาของเส้นผม ปกปิดหนังศีรษะที่บาง และเพิ่มความมั่นใจ

5.เปลี่ยนข้างแสก เพิ่มวอลลุ่มให้ผมง่ายๆ

Hersheson เผยเคล็ดลับเพิ่มวอลลุ่มให้ผมแบบง่ายๆ และรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนข้างแสกและสลับผมไปอีกด้าน

"ลองนึกถึงลุคผมปาดข้างสุดคลาสสิกของคิม เบซิงเกอร์" Hersheson อธิบาย "การแสกกลางจะทำให้ผมดูลีบแบน แต่การสลับผมไปอีกด้านจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผมได้อย่างง่ายดาย"

เทคนิคการสลับผมเพิ่มวอลลุ่ม

  1. สระผมและเป่าผมให้แห้งสนิท
  2. แสกผมตามปกติ
  3. ใช้มือสางผมไปด้านตรงข้ามกับที่แสกไว้
  4. ใช้ไดร์เป่าผมเป่าผมในทิศทางตรงข้ามกับที่แสก ประมาณ 10-15 วินาที
  5. จัดแต่งทรงผมตามต้องการ

ข้อดีของการสลับผมเพิ่มวอลลุ่ม

  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมที่ดูลีบแบน
  • เปลี่ยนลุคให้ดูใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนทรงผม
  • ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
  • ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเพิ่มเติม

ข้อควรระวัง

  • ผมที่สลับไปอีกด้านอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติในตอนแรก
  • ควรใช้สเปรย์หรือเจลจัดแต่งทรงผมเพื่อช่วยให้ผมอยู่ทรง
  • ไม่ควรสลับผมบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ผมเสีย

การสลับผมเพิ่มวอลลุ่มเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้ผมของคุณดูหนาขึ้น มีชีวิตชีวา และมั่นใจมากขึ้น

6.ดันผมให้พองที่โคนศีรษะ: เทคนิคสร้างวอลลุ่มแบบ Brigitte Bardot

ยังจำการ "ยีผม" เทคนิคการจัดแต่งทรงผมแบบโบราณได้ไหม? Hersheson บอกเราว่า เทคนิคนี้ยังมีประโยชน์อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องการสร้างวอลลุ่มให้กับผมบริเวณโคนศีรษะให้ดูหนาขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการยีผมแบบดั้งเดิมที่ใช้หวี

"ใช้แปรงขนผสมดึงผมขึ้นแล้วดันแปรงลงด้านล่างบริเวณโคนศีรษะ เทคนิคนี้จะช่วยสร้างลุคแบบ Brigitte Bardot และช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ" Hersheson อธิบาย

วิธีการดันผมให้พองที่โคนศีรษะ

  1. สระผมและเป่าผมให้แห้งสนิท
  2. แบ่งผมส่วนบนออกเป็นช่อเล็กๆ
  3. ดึงผมแต่ละช่อขึ้นแล้วใช้แปรงขนผสมดันลงด้านล่างบริเวณโคนศีรษะ
  4. ทำซ้ำกับผมแต่ละช่อจนทั่วศีรษะ
  5. จัดแต่งทรงผมตามต้องการ

ข้อดีของการดันผมให้พองที่โคนศีรษะ

  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมบริเวณโคนศีรษะ
  • สร้างลุคแบบ Brigitte Bardot
  • ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ
  • ทำได้ง่ายและรวดเร็ว

ข้อควรระวัง

  • ควรดันผมเบาๆ ไม่ควรดึงผมแรงๆ เพราะอาจทำให้ผมเสีย
  • ไม่ควรดันผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผมดูลีบแบน
  • ควรใช้สเปรย์หรือเจลจัดแต่งทรงผมเพื่อช่วยให้ผมอยู่ทรง

7.มูสเพิ่มวอลลุ่ม: อีกหนึ่งตัวช่วยผมหนา

Hersheson บอกเราว่า มูสจัดแต่งทรงผมรุ่นใหม่ๆ สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณโคนผม

มูส Zhoosh สูตรใหม่จาก Hersheson ช่วยให้เส้นผมดูหนาขึ้นและมีวอลลุ่ม โดยไม่ทำให้ผมเหนียวเหนอะหนะ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าลองใช้ ได้แก่ Oribe’s Grandiose Hair Plumping Mousse และ Virtue’s Volumising Mousse

เคล็ดลับในการเลือกมูสเพิ่มวอลลุ่ม

  • เลือกมูสที่เหมาะกับสภาพผมของคุณ
  • ทดสอบมูสบนช่อผมเล็กๆ ก่อนใช้จริง
  • ทามูสบริเวณโคนผมที่เปียกหมาดๆ
  • นวดมูสให้ทั่วศีรษะ
  • เป่าผมด้วยไดร์เป่าผม

ประโยชน์ของการใช้มูสเพิ่มวอลลุ่ม

  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผม
  • ช่วยให้ผมอยู่ทรง
  • ปกป้องผมจากความร้อน
  • ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้มูสมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผมดูลีบแบน
  • ควรล้างมูสออกให้สะอาดก่อนนอน

มูสเพิ่มวอลลุ่มเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ลีบแบน หรือต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้กับทรงผม

8.เป่าผมให้ถูกวิธี เพิ่มวอลลุ่มง่ายๆ

Hersheson เผยเคล็ดลับการเป่าผมให้ผมดูหนาขึ้น เพียงแค่เปลี่ยนทิศทางการเป่า "เทคนิคง่ายๆ เช่นนี้สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก" Hersheson อธิบาย "แทนที่จะเป่าผมจากด้านบนลง ให้ลองเป่าจากด้านล่างใต้โคนผมขึ้นไป"

วิธีการเป่าผมให้ถูกวิธี

  1. สระผมและเช็ดผมจนหมาด
  2. แบ่งผมออกเป็นช่อเล็กๆ
  3. ถือไดร์เป่าผมไว้ใต้โคนผม
  4. เป่าลมร้อนจากด้านล่างขึ้นไป
  5. ทำซ้ำกับผมแต่ละช่อจนทั่วศีรษะ
  6. จัดแต่งทรงผมตามต้องการ

ข้อดีของการเป่าผมให้ถูกวิธี

  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผม
  • ช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น
  • ปกป้องผมจากความร้อน
  • ช่วยให้ผมดูมีสุขภาพดี

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรเป่าผมด้วยความร้อนสูงเกินไป
  • ไม่ควรเป่าผมนานเกินไป
  • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเป่าผม

การเป่าผมให้ถูกวิธีเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้ผมของคุณดูหนาขึ้น มีชีวิตชีวา และมั่นใจมากขึ้น

9.เพิ่มมิติให้ผมด้วยสีผม: เทคนิคผมหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

Hersheson บอกเราว่า การใช้ไฮไลท์และสีผมที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มมิติให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูหนาขึ้น "เมื่อคุณเริ่มเพิ่มเท็กซ์เจอร์หรือคอนทราสต์ด้วยสี ผมของคุณจะดูมีมิติมากขึ้น และช่วยให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" Hersheson อธิบาย "การเพิ่มโทนสีที่แตกต่างกันอย่างละเอียดอ่อนทั่วทั้งศีรษะจะช่วยแก้ปัญหาผมบางได้เป็นอย่างดี"

เทคนิคการใช้สีผมเพื่อเพิ่มมิติ

  • ไฮไลท์: การไฮไลท์เส้นผมด้วยสีที่สว่างกว่าสีผมธรรมชาติจะช่วยเพิ่มมิติให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูหนาขึ้น
  • โลว์ไลท์: การโลว์ไลท์เส้นผมด้วยสีที่เข้มกว่าสีผมธรรมชาติจะช่วยเพิ่มความลึกให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูมีมิติ
  • บัลayage: เทคนิคการไล่เฉดสีผมแบบธรรมชาติ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูมีชีวิตชีวา
  • Ombre: เทคนิคการไล่เฉดสีผมแบบไล่ระดับ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูหนาขึ้น

ข้อดีของการใช้สีผมเพื่อเพิ่มมิติ

  • ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น
  • เพิ่มมิติให้กับเส้นผม
  • ทำให้ผมดูมีชีวิตชีวา
  • เปลี่ยนลุคให้ดูใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนทรงผม

ข้อควรระวัง

  • ควรเลือกสีผมที่เหมาะกับสีผิวของคุณ
  • ควรปรึกษาช่างทำผมที่มีประสบการณ์
  • ควรดูแลรักษาเส้นผมอย่างถูกวิธี

การใช้สีผมเพื่อเพิ่มมิติเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาผมบาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook