หมาจรแมวจรมันน่ารัก! อยากเก็บไปเลี้ยงในบ้าน ต้องทำอย่างไร

หมาจรแมวจรมันน่ารัก! อยากเก็บไปเลี้ยงในบ้าน ต้องทำอย่างไร

หมาจรแมวจรมันน่ารัก! อยากเก็บไปเลี้ยงในบ้าน ต้องทำอย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้หรือไม่ว่าจำนวน “หมาจรจัด-แมวจรจัด” ในบ้านเรานั้นมีอยู่ด้วยกันเกือบ 4 ล้านตัว! แต่ละวัน พวกมันเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตแบบเตร็ดเตร่ เอาตัวรอดจากภัยข้างถนน หิวท้องก็ต้องคุ้ยหากินจากกองขยะ ถ้าไม่ได้อาหารจากเรา ก็ไม่รู้ว่าวัน ๆ มันได้อิ่มท้องกันบ้างหรือเปล่า ภาพเช่นนี้เป็นภาพที่ไม่สบอารมณ์เหล่าทาสหมาทาสแมวเอาซะเลย จนหลายคนรู้สึกสงสาร และอยากจะรับเอาหมาแมวจรจัดเหล่านั้นเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านสักตัวหรือสองตัว เพราะอยากให้คุณภาพชีวิตของน้อง ๆ เหล่านั้นดีขึ้น ทีนี้ถ้าเราอยากจะเก็บสัตว์จรจัดที่เราคุ้นเคยด้วยเจอมันบ่อย ๆ ที่หน้าบ้านเข้ามาเลี้ยงในบ้าน เราต้องทำอย่างไรบ้าง

ศึกษาธรรมชาติทั่วไปของสัตว์ที่อยากจะเก็บมาเลี้ยง

แม้ว่าจะเป็นหมาเหมือนกัน แต่หมาต่างสายพันธุ์กันก็ยังมีนิสัยที่ไม่เหมือนกันเลย ก่อนที่คิดจะนำเอาสัตว์จรมาเลี้ยง ลองศึกษาดูก่อนว่ารับได้แค่ไหนเกี่ยวกับธรรมชาติทั่วไปของสัตว์ตัวนั้น ๆ การเล่นกับมันและให้ข้าวให้น้ำมันตอนที่มันอยู่นอกบ้าน กับการนำมันเข้ามาเลี้ยงในบ้าน สถานกาณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์นั้น ๆ ได้ ก็อย่าเพิ่งเลี้ยง หากสงสารจริง ๆ อาจพิจารณาหาบ้านใหม่ให้มันดู บ้านที่เขามีความพร้อมและสามารถเลี้ยงดูสัตว์ชนิดนั้น ๆ ได้จริง ๆ เข้าใจพฤติกรรมและธรรมชาติของมัน จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง

สำรวจความพร้อมของตัวเอง

แม้ว่าการเก็บสัตว์จรมาเลี้ยงให้เป็นสัตว์บ้านจะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมสำรวจและประเมินความพร้อมของตัวเองว่าพร้อมแค่ไหนที่จะรับเอาอีกหนึ่งชีวิตมาดูแล ในเรื่องของทุนทรัพย์และสถานที่เลี้ยง มีทุนมากพอที่ซื้ออาหารดี ๆ มีมาตรฐานให้สัตว์กินหรือไม่ เดือดร้อนเรื่องเงินไหมหากต้องพาสัตว์ไปทำวัคซีนเป็นประจำ หรือพาไปหาหมอเวลาสัตว์ป่วย ถ้าสัตว์ต้องไปหาหมอบ่อย ๆ เราอยู่ในจุดที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายได้ตลอดหรือไม่ สถานที่อยู่ปัจจุบันเลี้ยงสัตว์ได้ไหม จะมีปัญหาอะไรกับเพื่อนบ้านหรือเปล่า ถ้าที่พักอาศัยไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็ไม่ควรเลี้ยง ถ้าต้องเลี้ยงแบบหลบ ๆ ซ่อน เพราะทำผิดกฎ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร

พาสัตว์ไปตรวจสุขภาพ

หากประเมินแล้วว่าสามารถรับสัตว์มาเลี้ยงได้ และตั้งใจที่จะเลี้ยงมันจริง ๆ จะต้องวางแผนเรื่องการพาสัตว์ไปตรวจสุขภาพเป็นลำดับแรก เพื่อตรวจหาโรคหรือปัญหาสุขภาพที่สัตว์ตัวนั้น ๆ อาจมี รวมไปถึงตรวจดูว่าสัตว์ตัวนั้นได้รับวัคซีนที่จำเป็นแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จำเป็นต้องทำวัคซีน รวมถึงพิจารณาเรื่องการทำหมันสัตว์ด้วยหากสัตว์ตัวนั้นยังไม่ได้ทำหมัน เพื่อป้องกันการขยายพันธุ์ จากนั้นก็รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้น หากทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ก็สามารถเตรียมสถานที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ตัวนั้น และจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นได้เลย

การฝึกสอนพฤติกรรมสัตว์

เมื่อรับสัตว์มาอยู่ร่วมกันแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องสร้างข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน อันที่จริงก็คือ การฝึกให้สัตว์มีพฤติกรรมที่เหมาะสม อย่างการฝึกให้ขับถ่ายในที่ที่กำหนด ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยการกัดหรือทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำลายข้าวของในบ้าน การฝึกสอนพฤติกรรมสัตว์ เราจะได้ใช้เวลาฝึกฝนและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสัตว์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้หากพบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเข้าร่วมกลุ่มคนที่มีความสนใจและมีประสบการณ์ในการเลี้ยงสัตว์จร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและคำแนะนำกันก็ได้เช่นกัน

การใส่ใจดูแลและให้ความรักอย่างต่อเนื่อง

การที่เราตั้งใจที่จะเก็บหมาจรแมวจรมาเลี้ยงในบ้านนั้น เราไม่ได้แค่รู้สึกสงสารพวกมันอย่างเดียวหรอก แต่มันยังมีความรัก ความผูกพัน และที่แน่นอนก็คือ ความปรารถนาดี ปรารถนาที่จะให้สัตว์จรเหล่านั้นมีบ้าน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าตอนเป็นจรนอนข้างถนน หรือได้กินก็ต่อเมื่อมีคนสงสาร ดังนั้น เมื่อให้น้องจรเข้าบ้านแล้ว ก็ต้องใส่ใจดูแลและให้ความรักอย่างต่อเนื่อง สัตว์จรจำนวนไม่น้อยอาจเคยผ่านประสบการณ์ชีวิตที่ไม่ดีมาก่อน และต้องพยายามเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณอยู่ข้างถนน การให้ความรักและความเอาใจใส่จะช่วยให้สัตว์รู้สึกปลอดภัยและมีความสุข เพราะการที่เรายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เราก็เป็น “โลกทั้งใบ” ของหมาแมวที่ถูกทิ้งได้แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook