ทำความรู้จักแบรนด์กระเป๋าสุดเก๋ “Garmenti”
หลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2564 Garmenti ก็กลายเป็นกระเป๋าแบรนด์ไทยสุดฮอตบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ด้วยดีไซน์แปลกใหม่สุดเก๋ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ โดยเฉพาะกระเป๋ารุ่นซิกเนเจอร์อย่าง ‘Daily Tote’ ที่ได้กระแสตอบรับที่ดีมากจนทุบสถิติขายหมดหลายพันใบ ภายในไม่กี่วินาที
พลอยจ๋า – สิรีธร อมรนุรัตน์กุล เจ้าของแบรนด์กระเป๋า Garmenti นักธุรกิจวัย 33 ปี สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น และมีประสบการณ์การทำงานให้แบรนด์เสื้อผ้าประมาณหนึ่งปี ก่อนที่จะไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สถาบัน Pratt Institute สาขาวิชาการบริหารจัดการเชิงออกแบบ (Design Management) ที่นิวยอร์ค ในขณะที่ศึกษาอยู่ที่นั่น พลอยได้มีโอกาสเรียนวิชาทำกระเป๋าในคลาสเพิ่มเติมที่ Fashion Institute of Technology จนเกิดเป็นความรักและแรงบันดาลใจในการทำแบรนด์กระเป๋าของตัวเองเมื่อได้กลับมาเมืองไทย แม้ว่าธุรกิจกระเป๋าแบรนด์แรกของเธอต้องหยุดชะงักไป แต่ความหลงใหลในแฟชั่นทำให้พลอยไม่ย่อท้อ และผลักดันให้เดินตามความฝัน จนในที่สุดได้เปิดตัวแบรนด์ Garmenti ที่รู้จักกันในวันนี้
ความหลงใหลและใส่ใจในคุณภาพ
แน่นอนว่าการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดย่อมมีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่พลอยยังยืนหยัดที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจและฐานลูกค้า และพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายขึ้น ความพยายามของเธอไม่ได้เสียเปล่า เมื่อแบรนด์ได้เปิดตัวกระเป๋าทรงเกี๊ยวซ่าหรือ ‘Gyoza Bag’ ที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ Garmenti ได้อย่างลงตัว เพราะไม่เพียงแต่เป็นกระเป๋าที่ผลิตจากวัสดุที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน และคุ้มค่ากับราคา แต่ยังมีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา หลายเฉดสีให้เลือกสรร พร้อมออกแบบมาอย่างพิถีพิถันตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน คุณสมบัติทั้งหมดนี้ได้ส่งให้กระเป๋าเกี๊ยวซ่าของ Garmenti กลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าอย่างรวดเร็ว จนโดนใจเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ต่างโปรโมตกระเป๋าเกี๊ยวซ่าจนกลายเป็นกระแสฮิตบนโลกออนไลน์ นอกจากกระเป๋ารุ่นเกี๊ยวซ่าแล้ว กระเป๋ารุ่น ‘Daily Tote’ ทรงบัคเก็ตที่มีกิมมิคด้วยกระเป๋าใบเล็กทรงน่ารักห้อยอยู่ รวมทั้งคุณภาพของอะไหล่ที่ทนทาน และได้เปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ก็กลายมาเป็นสินค้าขายดีที่สุดของแบรนด์ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน พลอยบริหารแบรนด์ Garmenti ร่วมกับ บอส - ศรัณยวิทย์ ปลีศิริ สามีที่ช่วยดูแลในส่วนของการผลิต การดำเนินงาน ดูแลลูกค้าและบัญชี ส่วนพลอยดูแลด้านการออกแบบ การสร้างแบรนด์ และงานครีเอทีฟ ซึ่งทั้งพลอยและบอสให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ใจและรับฟังฟีดแบคทั้งคำติและคำชมจากลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาและแก้ไขในสินค้ารุ่นถัดไป ในทุกขั้นตอนการออกกระเป๋าของแต่ละรุ่น พลอยจะคำนึงถึงลูกค้าในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุ อาชีพ หรือความชื่นชอบของลูกค้า และด้วยกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ Garmenti คือสาวออฟฟิศวัยทำงาน ดังนั้นเธอจึงมุ่งออกแบบกระเป๋าที่ตอบโจทย์การใช้งานประจำวันของผู้หญิงยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการดีไซน์ที่ทันสมัย และมีเอกลักษณ์แบรนด์ Garmenti ที่โดดเด่นเฉพาะตัว
นอกจากนี้พลอยยังชื่นชมศักยภาพของอุตสาหกรรมแฟชั่นเมืองไทย และเห็นโอกาสการพัฒนาของอุตสาหกรรรมนี้ โดยพลอยกล่าวว่า “ดีไซเนอร์ไทยในหลากหลายแบรนด์มีความสามารถเป็นอย่างมาก และศักยภาพของอุตสหกรรมแฟชั่นเมืองไทยไม่แพ้ใครจริงๆ พลอยรู้สึกภูมิใจที่ได้สนับสนุนแบรนด์ไทย และดีใจที่ได้เห็นคนไทยรุ่นใหม่ทำงานในวงการแฟชั่นมากขึ้น และสนับสนุนแบรนด์ไทยไปด้วยกัน”
เส้นทางสู่ความสำเร็จ แบรนด์ดัง ยอดขายโต
Garmenti ถือเป็นอีกแบรนด์ไทยที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มลาซาด้าในการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก เพิ่มการมีส่วนร่วมและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องมือโปรโมตสินค้า (Lazada Sponsored Solutions) และเข้าร่วมแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยให้แบรนด์ให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ พลอยเล่าว่า “พลอยทำงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ดูแลร้านค้าของลาซาด้าอยู่ตลอด ตั้งแต่วิเคราะห์ผลลัพธ์และข้อมูลเชิงลึกของแบรนด์ ไปจนถึงวางแนวทางการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าลาซาด้าเป็นเหมือนบ้านที่สบายใจในการบริหารธุรกิจจริง ๆ”
ในปี 2566 Garmenti ได้เข้าร่วมทุกเมกะแคมเปญของลาซาด้า ซึ่งพลอยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ดูแลร้านค้าในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด ตั้งแต่การสต็อกสินค้า ไปจนถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ รวมถึงโปรโมชันในแต่ละแคมเปญ โดยพลอยใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับเมกะแคมเปญ 9.9 ถึง 4 เดือน จนในที่สุดแบรนด์ Garmenti ได้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยมียอดขายสูงถึงเจ็ดหลัก
สำหรับพลอยแล้ว เส้นทางนักธุรกิจได้สอนบทเรียนที่สำคัญในการบริหารแบรนด์ด้วยความรักกับความตั้งใจ เธอเล่าว่า “พลอยทุ่มเทและตั้งใจกับทุก ๆ อย่างที่ทำอย่างสุดความสามารถ แม้จะเกิดปัญหา พลอยจะพยายามหาทางแก้ไขและไม่เคยยอมแพ้ แน่นอนว่าการบริหารแบรนด์อาจมีทั้งช่วงที่ราบรื่น และช่วงที่ลำบากบ้าง แต่พลอยเชื่อว่าทุก ๆ การผิดพลาดย่อมมีข้อดีซ่อนอยู่เสมอ เพราะมันคือบทเรียนอันมีค่าที่สอนให้เราเติบโตขึ้น อยากให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ และสู้ต่อไป ถ้าเรามีแพชชั่นและรักในสิ่งที่ทำ เราจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด”