ท้องอย่างไรไม่ให้อ้วนฉุ ไม่ทำลายสุขภาพกับ 5 เทคนิคคุมน้ำหนักที่แม่ท้องต้องรู้

ท้องอย่างไรไม่ให้อ้วนฉุ ไม่ทำลายสุขภาพกับ 5 เทคนิคคุมน้ำหนักที่แม่ท้องต้องรู้

ท้องอย่างไรไม่ให้อ้วนฉุ ไม่ทำลายสุขภาพกับ 5 เทคนิคคุมน้ำหนักที่แม่ท้องต้องรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การมุ่งเป้าไปสู่การทำน้ำหนักให้ดีและเหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่จะต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ ไม่ควรเกินไปกว่า 10-12 กิโลกรัม  เพราะอาจนำพาโรคต่าง ๆ มาด้วย และยังไปสร้างผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นจึงขอแนะนำ 5 เทคนิคของการดูแลน้ำหนักคุณแม่ตั้งครรภ์ ให้ขึ้นอย่างได้มาตรฐาน พร้อมทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน และมีสุขภาพที่ดี ดังต่อไปนี้

1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเน้นรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็น เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไม่ติดมัน  และผลิตภัณฑ์จากนมพร่องมันเนย โดยหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ แทนที่จะรับประทานอาหารมื้อใหญ่ วันละ 2-3 ครั้ง แนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ ตลอดทั้งวัน  ประมาณ 5-6 มื้อ จะช่วยให้ลำไส้คุณแม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารให้มีคุณภาพ  

2.เพิ่มปริมาณแคลอรี่อย่างเหมาะสม

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก ไตรมาสแรกอาจเพิ่มเพียง 150 แคลอรี่ต่อวัน และเพิ่มเป็น 340 แคลอรี่ต่อวัน ในไตรมาสที่  2 และ 3 ขอแนะนำให้บริโภคอาหารธรรมชาติ เช่น ผลิตผลสด ซึ่งปรุงด้วยกระบวนการน้อยที่สุด เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องและดองทุกชนิด การเลือกรับประทานอาหารที่สดใหม่ และผ่านกระบวนการน้อยที่สุด จะทำให้มั่นใจได้ว่าคุณแม่จะได้รับสารอาหารมากที่สุดจากทุกมื้ออาหาร

3.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยควบคุมน้ำหนัก และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมของทั้งคุณแม่และทารก  ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพร่างกาย เช่น การเดิน, การว่ายน้ำ หรือการทำโยคะเบา ๆ เป็นต้น

4.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ

การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ สามารถช่วยลดความอยากอาหารที่มากเกินไป พร้อมทำให้ระบบภายในสมดุล ป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

5.ปรึกษาแพทย์หรือโภชนากร

การปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ สามารถช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับการดูแลน้ำหนัก และโภชนาการในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อน หรือมีความเสี่ยงสูงในเรื่องโรคและครรภ์เป็นพิษ

ระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่บางคนอาจรู้สึกว่ายิ่งน้ำหนักเพิ่มขึ้น ลูกก็จะยิ่งแข็งแรงและมีสุขภาพดีมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจเพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลกรัม ในขณะที่บางคนอาจประสบปัญหาในการกินและน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก โดยทั่วไปคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 กิโลกรัม หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 12.5 กิโลกรัม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดัชนีมวลกายก่อนตั้งครรภ์ด้วยนะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook