เจาะ! สาเหตุน้องสาวกลิ่นแรง พร้อม 5 วิธีลดกลิ่นน้องสาวได้อย่างอยู่หมัด

เจาะ! สาเหตุน้องสาวกลิ่นแรง พร้อม 5 วิธีลดกลิ่นน้องสาวได้อย่างอยู่หมัด

เจาะ! สาเหตุน้องสาวกลิ่นแรง พร้อม 5 วิธีลดกลิ่นน้องสาวได้อย่างอยู่หมัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวยแต่หน้าอย่างเดียวไม่ได้! เพราะถ้าน้องสาวมีกลิ่นอาจพาให้ไม่มั่นใจไปอีกยาว ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่แค่เพียงช่วงเวลาของการมีเซ็กส์เท่านั้นถึงจะได้กลิ่น แต่สาว ๆ บางคนอาจถึงขั้นกลิ่นทะลุกางเกงหรือกระโปรงออกมาเลยทีเดียว ซึ่งอาจมาจากการทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ พร้อมกับปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง การสวมใส่ชั้นในที่ไม่ถ่ายเทอากาศจนกลายเป็นการอับชื้น การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา รวมไปถึงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์  นอกจากนี้ การมีภาวะตั้งครรภ์ยังส่งผลให้กลิ่นของน้องสาวรุนแรงขึ้นได้อีกด้วยนะคะ

5 วิธีดูแลและจัดการปัญหาน้องสาวมีกลิ่นให้อยู่หมัด

ถ้าไม่อยากสูญเสียความมั่นใจในเรื่องของกลิ่นน้องสาว แนะนำ 5 วิธีการดูแลและจัดการกลิ่นแบบอยู่หมัด ที่สาว ๆ ทุกคนสามารถทำได้ เพียงแค่ดูแลอย่างต่อเนื่อง รับรองเลยค่ะว่ากลิ่นหอมสดชื่นแน่นอน

1.การทำความสะอาดต้องถูกวิธี

การทำความสะอาดน้องสาวอย่างถูกวิธี คือ การใช้น้ำสะอาดและสบู่อ่อน ๆ เท่านั้น ไม่ควรใช้สารเคมีใด ๆ สวนล้าง เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ส่วนการทำความสะอาดระหว่างวัน ควรเช็ดจากหน้าไปหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ช่องคลอดติดเชื้อ

2.เลี่ยงการทานอาหารกลิ่นฉุน

อาหารที่มีกลิ่นฉุน มีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้น้องสาวของคุณมีกลิ่นอย่างรุนแรง เช่น การรับประทานกระเทียม เครื่องเทศ หัวหอม หรือแม้แต่ขนมหวานที่น้ำตาลจะเข้าไปทำลายแบคทีเรียดี ภายในระบบย่อยอาหาร จึงไม่มีแบคทีเรียนี้มาปกป้อง ทำให้เกิดเชื้อราบริเวณจุดซ่อนเร้นได้ง่าย พร้อมอาหารที่มีกรดสูงอย่างหน่อไม้ฝรั่ง บลอกโคลี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่หมูเนื้อแดง จะทำให้สมดุลร่างกายเสียและเสี่ยงทำให้เกิดโรคกับกลิ่นได้มากอีกด้วย

3.ตัดขนน้องสาวออกบ้าง

ขนที่บริเวณจุดซ่อนเร้นจะมีข้อดีของการปกป้อง แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะถ้ามีมากเกินไปอาจก่อให้เกิดความอับชื้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อราได้ง่าย ส่งกลิ่นปลาเค็มออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้นหลังการทำความสะอาดแล้ว ควรเป็นการตัดหรือเล็มขนบริเวณนี้ออก เพื่อทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศที่ดีขึ้น รักษาความสะอาดง่าย แต่ห้ามโกนเด็ดขาด

4.หยุดใช้น้ำยา

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น หรือน้ำยาต่าง ๆ ที่ถูกโฆษณาออกมาเป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนทำความสะอาดได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำยาเหล่านี้ เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจะส่งผลเสีย เพราะเข้าไปทำลายแบคทีเรียดีที่อยู่บริเวณปากช่องคลอดทั้งหมด จึงก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายมาก ซึ่งจะมาพร้อมกับกลิ่นที่เหม็นอย่างรุนแรง ดังนั้นแค่น้ำเปล่าและสบู่อ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว

5.เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง

ถ้าอยู่ในช่วงที่คุณเป็นประจำเดือนและไม่อยากให้มีกลิ่นคาวเลือด หรือกลิ่นใด ๆ ติดมาหลังประจำเดือนหยุดไปแล้ว แนะนำให้มีการเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-6 ชั่วโมงและทุกวัน เพื่อลดการติดเชื้อจากเลือดเสีย และช่วยลดกลิ่นได้ดีมาก  นอกจากนี้ ถ้าไม่ได้เป็นประจำเดือนแล้วก็ไม่ควรใช้แผ่นอนามัย เพราะจะเป็นตัวทำให้ติดเชื้อบริเวณช่องคลอดได้ง่ายมากขึ้น

การดื่มน้ำก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการขับสารคัดหลั่งที่บริเวณช่องคลอด ซึ่งถือเป็นกระบวนการทำความสะอาดตามธรรมชาติของร่างกาย จึงช่วยลดกลิ่นเหม็นที่บริเวณน้องสาวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การปัสสาวะ หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ภายในห้องน้ำ ควรมีการทำความสะอาดและเช็ดหรือซับด้วยทิชชู่ให้เรียบร้อย จะช่วยป้องกันกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook