6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารแมว ที่เหล่าทาสควรรู้

6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารแมว ที่เหล่าทาสควรรู้

6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารแมว ที่เหล่าทาสควรรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในฐานะทาสแมวหลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อเกี่ยวกับอาหารแมวมากมาย บางความเชื่ออาจเป็นจริง แต่บางความเชื่อก็ไม่เป็นความจริง บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ 6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารแมว

1.อาหารแมวแห้ง ช่วยทำความสะอาดฟัน? ความจริงหรือไม่จริง

นี่เป็นความเชื่อที่เจ้าของแมวหลายคนมักได้ยินกันบ่อยๆ แมวเป็นสัตว์กินเนื้อตามธรรมชาติ มีฟันแหลมคม ออกแบบมาสำหรับกัด ฉีก และขาดอาหาร แต่แมวส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะกลืนอาหารแห้งทั้งคำ ทำให้ไม่เกิดการขูดฟัน ปัญหาเรื่องฟันส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่บริเวณล่างใกล้เหงือก อาหารแห้งจึงไม่ช่วยขูดฟัน

นอกจากนี้คาร์โบไฮเดรตจะย่อยสลายเป็นน้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก การแปรงฟันให้แมวหรือพาไปให้สัตวแพทย์ทำความสะอาดฟันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปากของแมว

2.อาหารแมวพรีเมียม ไม่ได้มีดี แค่ราคาแพง

อาหารแมวพรีเมียมไม่ได้มีดีแค่ราคาที่สูงกว่าอาหารแมวทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือคุณภาพของวัตถุดิบ อาหารแมวพรีเมียมส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ปรุงด้วยความร้อนที่เหมาะสมเพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ และบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความสดใหม่

ผู้ผลิตอาหารแมวพรีเมียมให้ความสำคัญกับกระบวนการเผาผลาญอาหารของแมว และออกแบบสูตรอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของแมวแต่ละสายพันธุ์ แม้ว่าอาหารแมวพรีเมียมจะมีราคาสูงกว่าอาหารแมวทั่วไป แต่ก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย เพราะแมวจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการ ช่วยให้แมวมีสุขภาพดี ขนสวย เงางาม

ทำไมอาหารแมวพรีเมียมถึงมีราคาแพง

  • ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง: อาหารแมวพรีเมียมใช้วัตถุดิบจากเนื้อสัตว์สดใหม่ ปราศจากสารเคมี ผัก ผลไม้ และธัญพืชคุณภาพสูง ซึ่งมีราคาแพงกว่าวัตถุดิบที่ใช้ในอาหารแมวทั่วไป
  • กระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน: อาหารแมวพรีเมียมผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ปรุงด้วยความร้อนที่เหมาะสมเพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ และบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความสดใหม่ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีและแรงงานที่มีทักษะสูง
  • การวิจัยและพัฒนา: ผู้ผลิตอาหารแมวพรีเมียมลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเพื่อออกแบบสูตรอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของแมวแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง

การเลือกอาหารแมว

อย่างไรก็ตาม อาหารแมวพรีเมียมไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดสำหรับแมวทุกตัว เจ้าของแมวควรเลือกอาหารแมวที่เหมาะสมกับความต้องการของแมวแต่ละตัว โดยพิจารณาจาก factors หลายอย่าง เช่น อายุ สายพันธุ์ สุขภาพ และพฤติกรรมการกิน

3.อาหารแมวโปรตีนสูง ไม่ได้ทำร้ายไตแมว!

ความเชื่อนี้มักเกิดขึ้นจากการเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารแมวคุณภาพต่ำ ความจริงแล้ว อาหารแมวโปรตีนสูงมีประโยชน์ต่อสุขภาพแมว แมวเป็นสัตว์กินเนื้อตามธรรมชาติ ร่างกายของแมวต้องการโปรตีนจากสัตว์เพื่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อาหารแมวที่ผลิตจากโปรตีนพืชเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวได้อย่างครบถ้วน

อาหารแมวคุณภาพต่ำมักใช้วัตถุดิบราคาถูก เช่น ถั่วเหลืองและข้าวโพด ซึ่งย่อยยากสำหรับร่างกายแมว ทำให้แมวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

แมวต้องการโปรตีนจากสัตว์

แมวทุกวัยต้องการโปรตีนจากสัตว์ เจ้าของแมวควรเลือกอาหารแมวที่มีโปรตีนจากสัตว์คุณภาพสูง เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อวัว หลีกเลี่ยงอาหารแมวที่ใช้วัตถุดิบราคาถูก

คุณภาพของอาหารแมวสำคัญกว่าปริมาณโปรตีน

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับแมว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สายพันธุ์ สุขภาพ และพฤติกรรมการกิน เจ้าของแมวควรเลือกอาหารแมวที่มีคุณภาพสูง ผลิตจากวัตถุดิบสดใหม่ ปราศจากสารเคมี และปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

อาหารแมวโปรตีนสูง ไม่ได้ทำให้แมวเป็นโรคไต

ความเชื่อที่ว่าอาหารแมวโปรตีนสูง ทำให้แมวเป็นโรคไตนั้นไม่เป็นความจริง สาเหตุของโรคไตในแมว มักเกิดจากพันธุกรรม ความแก่ชรา หรือโรคประจำตัว

4.อาหารมนุษย์และเศษอาหารบนโต๊ะ อันตรายต่อแมวจริงหรือไม่?

ความเชื่อนี้จริงบางส่วนเท่านั้นอาหารมนุษย์บางชนิดมีประโยชน์ต่อแมว แต่ไม่ใช่ทุกชนิด และเศษอาหารบนโต๊ะก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป

อาหารมนุษย์ที่ปลอดภัยสำหรับแมว

  • ผักโขม: อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายของแมว
  • ฟักทอง: แหล่งใยอาหารที่ดี ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
  • แอปเปิ้ล (ปอกเปลือก): แหล่งวิตามินซี แต่ควรให้น้อยๆ
  • ปลาแซลมอน (ปรุงสุก): แหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
  • ไก่ (ปรุงสุก): แหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม
  • เมล่อนแคนตาลูป: แหล่งวิตามินเอ แต่ควรให้น้อยๆ

อาหารมนุษย์ที่อันตรายต่อแมว

  • หัวหอม: อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง
  • กระเทียม: อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง
  • หอมแดง: อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง
  • ต้นหอม: อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง
  • องุ่น: อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
  • ช็อกโกแลต: อาจทำให้เกิดอาเจียน ท้องเสีย หัวใจเต้นผิดปกติ
  • อะโวคาโด: อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • แมคคาเดเมีย: อาจทำให้เกิดอาเจียน ท้องเสีย อ่อนแอ

ทำไมเศษอาหารบนโต๊ะจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแมว?

  • เศษอาหารมักมีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูง ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพแมว
  • เศษอาหารอาจมีเครื่องเทศหรือส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อแมว
  • แมวที่กินเศษอาหารเป็นประจำ อาจไม่สนใจอาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

สรุป

อาหารมนุษย์บางชนิดปลอดภัยสำหรับแมว แต่ควรให้น้อยๆ และด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการให้อาหารมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อแมว และไม่ควรให้เศษอาหารบนโต๊ะแก่แมวเป็นประจำ

5.แมวกินอาหารสุนัขได้หรือไม่?

แมว และสุนัขมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน แมวต้องการโปรตีน ไขมัน และทอรีนในปริมาณที่มากกว่าสุนัข อาหารสำหรับแมวและสุนัขจึงมีสูตรอาหารที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แมวกินอาหารสุนัขเป็นครั้งคราวไม่เป็นอันตราย แต่ไม่ควร ให้แมวกินอาหารสุนัขเป็นประจำ เพราะอาหารสุนัข ไม่มี สารอาหารที่แมวต้องการครบถ้วน

ทำไมแมวไม่ควรกินอาหารสุนัขเป็นประจำ

  • ขาดสารอาหาร: อาหารสุนัขมีโปรตีน ไขมัน และทอรีน ไม่เพียงพอ กับความต้องการของแมว
  • ได้รับสารอาหารมากเกินไป: อาหารสุนัขมี เกลือ และ ฟอสฟอรัส สูง ซึ่ง ไม่ดีต่อ สุขภาพไตของแมว
  • เกิดปัญหาสุขภาพ: การกินอาหารสุนัขเป็นประจำ อาจทำให้แมว อ้วน ท้องเสีย ขนร่วง มีปัญหา เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

6.วางอาหารไว้ให้แมวกินไม่อด ไม่ดีเสมอไปนะ

หลายคนคงคุ้นเคยกับการเทอาหารเม็ดแมวใส่ชามไว้ให้แมวกินได้ตลอดทั้งวัน โดยคิดว่าแมวจะได้ไม่อด แต่ความจริงแล้ว การวางอาหารไว้ให้แมวกินไม่อด นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพแมวเสมอไป

ทำไมการวางอาหารไว้ให้แมวกินไม่อด ถึงไม่ดี

  • ควบคุมปริมาณอาหารได้ยาก: เราไม่สามารถ วัด ปริมาณอาหารที่แมวกินได้ แมวบางตัวอาจ กินมากเกินไป ส่งผลให้อ้วน
  • ไม่เหมาะกับแมวบางตัว: แมวบางตัว กินจุ การวางอาหารไว้ให้กินไม่อด อาจทำให้แมว กินมากเกินความต้องการ
  • อาหารเม็ด มีคาร์โบไฮเดรตสูง: การวางอาหารเม็ดไว้ให้กินไม่อด แมวอาจได้รับ คาร์โบไฮเดรต มากเกินไป ส่งผลต่อสุขภาพ
  • อาหาร เสียง่าย: อาหารเม็ดที่วางไว้ นานๆ อาจ เสีย แมวอาจกินอาหาร ที่ไม่สดใหม่ ส่งผลต่อสุขภาพ

ทางเลือกที่ดีกว่า

  • ให้อาหารแมว มื้อเช้า และ มื้อเย็น: การให้อาหารแมวเป็น มื้อ ช่วยให้ควบคุมปริมาณอาหารได้
  • เลือกอาหารแมว สูตร ที่เหมาะสม: เลือกอาหารแมวสูตร ควบคุมน้ำหนัก หรือ สูตร สำหรับแมว ที่กินจุ
  • เก็บอาหาร ที่ไม่กิน ไว้: เก็บอาหารที่แมว กินไม่หมด ใส่ภาชนะปิดมิดชิด แช่ตู้เย็น ให้อุ่นก่อนเสิร์ฟมื้อถัดไป
  • ปรึกษาสัตวแพทย์: ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ เกี่ยวกับปริมาณ และ สูตรอาหาร ที่เหมาะสม กับแมวของคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook