"อายกัญ" รอง 1 MUT เผยทีเด็ดมัดใจแฟนหนุ่มมหาเศรษฐี
"อายกัญ" รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เผยทีเด็ดมัดใจแฟนหนุ่มหล่อ มหาเศรษฐีชาวเยอรมัน ก่อนเปิดตัวกับโมเมนต์สวยๆ สับๆ นั่งรถซุปเปอร์ตคาร์ไปดินเนอร์สุดหรู ในมอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก ใช้ใจแลกใจ เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
"อาย" กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว"หรือ "อายกัญ" รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 พบรักมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อชาวเยอรมัน "โอลิเวิอร์ ทิม ร็อต" เรียกเสียงฮือฮา เปิดตัวกับโมเมนต์สวยๆ สับๆ นั่งรถซุปเปอร์คาร์ไปดินเนอร์สุดหรู ในมอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก เปิดใจกับทีมข่าว Sanook.com ว่า มีหลายอย่างเปลี่ยนไป จากที่เคยถูกเรียกอี ชีวิตพลิกเป็นมาดาม แต่โดยส่วนตัวไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นเหมือน "ซินเดอเรลล่า" หรือ "เจ้าหญิง" ในนิยาย ขอบคุณ "สุนารี ราชสีมา" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สร้างแรงผลักดัน ในก้าวมาถึงจุดนี้ได้
"เมื่อก่อนมีด่าเราว่าเปรต ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนนะ คุณครูเรียกเราว่าเปรต เรียกอีดำบ้าง อีสกปรก อี โหเยอะอ่ะ ก็ได้แต่ยิ้ม ฐานะทางที่บ้านเราจนเนอะ เราก็เคยแบบไปพึ่งบุญ เราขอข้าวเขากิน ก็คนจนนิ่เขาก็อยากพูดอะไรกับเราก็ได้ ไปทำงาน ร้องเพลงหาตังค์ เพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ
"เคยไปประกวดไมค์ทองคำ ไปเจอคำพูดของคุณแม่สุ สุนารี ราชสีมา นะคะ เขาก็บอกว่า อยากให้เราไปประกวดนางงามดู คุณแม่เห็นในศักยภาพของเรา ว่าเราสามารถเป็นนางงามได้นะ ทำให้เราได้มาอยู่ในจุดๆ นี้ ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง เรายังเป็นผู้หญิงธรรมดา อยากกินส้มตำ อยากกินมาม่า"
นางงามชาวไทย บอกต่อว่า สิ่งที่ทำหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท MOUAWAD แบรนด์จิวเวลรี่ระดับโลก รวมถึงยังเป็นผู้บริหารทางการเงิน ธนาคาร ทีครอบคลุมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และมีโครงการเพื่อสังคมอีกมาก รู้สึกประทับใจ น่าจะเป็นการที่เธอ เป็นตัวของตัวเองตั้งแรก และการใช้ใจแลกใจ ตรงไปตรงมา ก็ช่วยทำลายกำแพงต่างชาติต่างภาษาได้เป็นอย่างดี
"ย้อนกลับไปใน 2 ปีที่แล้วค่ะ เจอเขาในงานเครื่องเพชร ก็ไปนั่งข้างๆ กัน แล้วก็ได้มีการพบปะพูดคุยสตอรี่ของเราที่ผ่านมา แชร์ประสบการณ์กัน แล้วเราก็รู้สึกแบบปิ๊งๆ กัน ภาษาอังกฤษอายได้เรื่องของ Conversation (บทสนทนา) ไม่ถึงขั้น Native จ๋าเลย (พูดเป็นภาษาแม่) จริงๆ ฝรั่งเขาไม่ได้มองหาคนที่เป็น Native อ่ะ คู่ชีวิตไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Native" ต้องการคนที่ เข้าใจเขา"
"การสื่อสารมันอยู่ที่นี่ค่ะ อยู่ที่ใจ ถ้ามันออกมาจากหัวใจ เขาก็รับรู้ได้ ไม่ต้องกลัวที่ว่า พูดแล้วสำเนียงจะถูกหรือผิด ฝรั่งเขาไม่สนใจอยู่แล้ว เขาสนใจในเรื่องของ Topic (เรื่องที่พูด) มากกว่า ก็อยากให้ลองกล้า กล้าที่จะพูดดูค่ะ ถ้าคุณพูดผิด เขาพร้อมที่จะแก้ไขในตรงนั้นทันที คุณจะพูดแบบนี้นะ แล้วมันจะดูดีมากเลย เหมือนเวลาเราดูหนัง เราต้องดูที่เป็นแบบซับไทย แล้วให้เขาพูดภาษาอังกฤษ เราก็จะได้เห็นรีแอ๊คชั่นเขาเป็นยังไง อ๋อคำพูดแบบนี้ ควรที่จะใช้สถานการณ์แบบนี้นะ แล้วมันจะประยุกต์ได้เอง เราจะเก่งขึ้นเองอัตโนมัติ"
"ถ้ามีคนมามองว่า เราจับผู้ชาย ที่รวย คือ ตัวอายเอง อายเริ่มต้นด้วยการที่เป็นตัวตนของอาย อายไม่ได้มานั่งถามผู้ชาย เฮ้ย คุณมีรถดีๆ หรือเปล่า ครอบครัวคุณรวยหรือเปล่า เราใช้ใจแลกใจ ถ้าคุณใช้ใจแลกใจ อายมองว่า สิ่งดีๆ มันจะเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ว่าคุณโหยหา แต่แบบผู้ชายรวยๆ เข้ามาในชีวิต ถ้าคุณหาแบบนั้น มันมาได้นะ มันมาไวและมันก็จะไปไว"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ อายกัญ ยอมรับว่าด้วย ภายหลังพบรักกับแฟนหนุ่มมหาเศรษฐี ทำให้เธอได้เขาสังคมระดับสูง ได้เรียนรู้การวางตัว และการทำงาน แต่ก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเองว่ามาจากไหน ไม่เหลิงกับสภาพสังคมเปลี่ยนไปมีคนเข้าหาพูดจาภาษาดอกไม้มากขึ้น ระลึกอยู่เสมอว่า "ชีวิตคนเราขึ้นได้ก็ลงได้" เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด และเชื่อว่า ถ้าผู้ชายเชารักจริง ตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นอย่างไร ผู้ชายต้องยอมรับได้
"เขาทำงานในระดับสูงมา จัดอีเว้นท์ เป็นโค้ช ผู้ดำเนินงานต่างๆ เราไปอยู่ในจุดๆ นั้น มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้งาน โดยอัตโนมัติ มันมีหลายมุมหลายอย่าง ที่เรารู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้เก่งมาก มันสามารถเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับเราได้เราก็อยากเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน เหมือนกับเขา"
"คนที่เคยว่าเรา หรือบางคนที่เขาไม่เคยคุยกับเราเลย ก็มีการส่งข้อความทักมาก็ยินดี ยินดีกับเราด้วย จากที่ ไม่ค่อยมีสังคม พอเรามีแฟนที่เขาอยู่ในสังคมระดับสูง เขาก็จะพาเราออกงาน พบปะสังคมที่ มันสูงมากยิ่งขึ้น ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ในของแต่ละสังคม ว่าเราควรวางตัวแบบไหน ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้อายได้เติบโต"
"แต่เราจะไม่ลืมกำพืดตัวเอง ว่าเรามาจากไหน เราจกส้มตำ เป็นเด็กที่เคยตกปลา ใช้แค่เอ็นแล้วก็ไม้จากกิ่งไม้ ว่ายน้ำในลำคลอง เด็ดผักบุ้งในทุ่งนา และเราก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ให้กับแฟนเรารู้ว่า เราเป็นคนที่สไตล์แบบไหน ถ้าเขารักเราจริง ผู้ชายเขายอมรับเราอยู่แล้วแหละ"
"ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของเรา แล้วเราไปอัพตัวเราให้เป็นหนึ่งในสังคมนั้น ที่มันอยู่สูง เราจะไม่มีความสุขนะ คนเรามันมีขึ้นมีลงอยู่แล้ว วันหนึ่งที่เราตกจากที่สูง มาอยู่ที่ต่ำ เราก็ยังเป็นตัวตนของตัวเองได้ โดยที่เราไม่เจ็บ แต่ถ้าเราไปสูงเกินตัว เราตกมาเราเจ็บนะ สุดท้ายเราจะไม่เหลือใครเลย คนที่เขาเข้ามาหาในชีวิตเรา เพราะเขามองอยู่นู่น จุดที่เราสูง ไม่ได้มองที่จุดเราต่ำ จุดที่เราต่ำเราอาจจะไม่เหลือใครเลยนะ" อายกัญกล่าวในที่สุด