"เสาวรส" กับข้อควรระวังในการรับประทาน และมักไม่ค่อยมีใครเคยบอก

"เสาวรส" กับข้อควรระวังในการรับประทาน และมักไม่ค่อยมีใครเคยบอก

"เสาวรส" กับข้อควรระวังในการรับประทาน และมักไม่ค่อยมีใครเคยบอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสาวรส ราชินีแห่งผลไม้สุขภาพ ใครจะรู้ว่าผลไม้ลูกกลมๆ เปลือกสีม่วงอมม่วงนี้ จะซ่อนสรรพคุณอันน่าทึ่งเอาไว้มากมาย เสาวรสไม่ได้โดดเด่นแค่รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ชวนให้ลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของเรา จนกลายเป็นผลไม้คู่ใจของคนที่รักสุขภาพไปแล้ว

"เสาวรส" กับข้อควรระวังก่อนทาน

แม้เสาวรสจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังที่เราไม่ควรมองข้ามนั่นคือ

1.น้ำยางธรรมชาติ ที่พบในเสาวรส ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคนได้

ทำไมเสาวรสถึงก่อให้เกิดอาการแพ้ได้?

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Allergy เมื่อปี 2540 พบว่าผลไม้หลายชนิด เช่น เสาวรส มะละกอ อะโวคาโด กล้วย และอื่นๆ มีโครงสร้างทางเคมีของโปรตีนที่คล้ายคลึงกับโปรตีนในน้ำยางธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่แพ้ยางธรรมชาติอาจเกิดอาการแพ้เมื่อรับประทานผลไม้เหล่านี้ด้วย โดยอาการแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ คัน คอแห้ง หายใจลำบาก หรืออาการรุนแรงถึงขั้นช็อก

หากคุณมีอาการแพ้ยางธรรมชาติ ควรระวังการรับประทานผลไม้ต่อไปนี้:

  • เสาวรส
  • มะละกอ
  • อะโวคาโด
  • กล้วย
  • เกาลัด
  • มะเดื่อ
  • แตงโม
  • มะม่วง
  • กีวี
  • สับปะรด
  • พีช
  • มะเขือเทศ

หากคุณสงสัยว่าตนเองมีอาการแพ้เสาวรสหรือผลไม้ชนิดอื่น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและคำแนะนำที่ถูกต้อง

2.ไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์ สารประกอบที่มีความเป็นพิษตามธรรมชาติ

ไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์คืออะไร ทำไมถึงเป็นอันตราย?

ไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์เป็นสารประกอบที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น เสาวรส ผักโขม มันสำปะหลัง หน่อไม้ และอัลมอนด์ เมื่อเราบริโภคพืชเหล่านี้เข้าไป โดยเฉพาะในปริมาณมาก หรือในสภาพที่ยังไม่สุกดีพอ สารประกอบนี้จะถูกย่อยสลายในร่างกายและเปลี่ยนเป็น ไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารพิษที่อันตรายต่อระบบประสาทและหัวใจ หากได้รับไซยาไนด์ในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

งานวิจัยยืนยันถึงความเสี่ยง

งานวิจัยหลายชิ้น รวมถึงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Additives & Contaminants เมื่อปี 2556 พบว่าไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์ในพืชสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากอาการเฉียบพลันที่กล่าวมาแล้ว การได้รับไซยาไนด์ในปริมาณน้อยแต่ต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจเต้นช้าลง และโรคผิวหนังได้

วิธีลดความเสี่ยงจากการบริโภคไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์

  • เลือกเสาวรสสุก: เสาวรสที่สุกงอมจะมีปริมาณไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์น้อยกว่าเสาวรสดิบ
  • ปรุงอาหารให้สุก: การปรุงอาหารด้วยความร้อนจะช่วยลดปริมาณไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์ได้
  • บริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ: ไม่ควรรับประทานเสาวรสหรือพืชที่มีไซยาโนเจนิคไกลโคไซด์ในปริมาณมากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานพืชที่ยังไม่สุก: โดยเฉพาะเมล็ดและใบของพืช
  • หมุนเวียนอาหาร: ไม่ควรรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นประจำ ควรบริโภคอาหารหลากหลายชนิด

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook