เทคนิคโกงดวงซวย ให้เป็นดวงเฮงภายใน 21 วัน ไม่ต้องสะเดาะเคราะห์
หลายคนหลังดูดวงมาโดนหมอดูทักว่าดวงไม่ค่อยดี ชีวิตจะเจอแต่อุปสรรค ฟังแล้วใจแฟบ แต่อย่าเพิ่งท้อถ้าอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น และเติบโตขึ้นทุกวันไหม? มาร่วมท้าทายพัฒนาตนเอง 21 วันนี้กัน! เมื่อสิ้นสุดการท้าทาย คุณจะรู้สึกดีกับตัวเองและสุขภาพมากขึ้น พร้อมกับชีวิตที่เติมเต็มมากกว่าที่เคยฝันไว้ ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ การเริ่มต้นวันนี้เลย! เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกท้อแท้ จงบอกตัวเองเสมอว่า คุณสมควรได้รับชีวิตที่ดีกว่านี้
10 วิธีโกงดวงซวย ให้เป็นดวงเฮงใน 21 วัน
1.ตั้งเป้าหมายใหม่และแบ่งมันออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ
หากคุณต้องการบรรลุหรือสำเร็จอะไรบางอย่าง คุณต้องมีเป้าหมายที่จะมุ่งสู่ก่อนอื่น ใช้เวลาสักครู่ตอนนี้เพื่อเขียนเป้าหมายของคุณและทำความเข้าใจว่าทำไมคุณต้องการบรรลุมัน "ทำไม" คือสิ่งที่จะผลักดันคุณเมื่อแรงจูงใจหยุดลง หลังจากที่คุณเขียนเป้าหมายของคุณและพบจุดประสงค์แล้ว ลองแบ่งเป้าหมายของคุณออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ และตั้งกำหนดเวลาสำหรับแต่ละขั้นตอน ด้วยการวางแผนที่เป็นจริงและดำเนินการที่จำเป็นทุกวัน คุณจะก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของคุณมากขึ้น
2.อุทิศเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อวันเพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
เคยมีอะไรที่คุณอยากเรียนรู้มาตลอด แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะ "ไม่มีเวลา" ไหม? แทนที่จะปล่อยผ่านโอกาสเหล่านั้นไป และหาข้ออ้างมากมาย ลองอุทิศเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อวันเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองดูสิ ไม่เพียงแต่คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่ยังรู้สึกดีกับตัวเองอีกด้วย เมื่อใดก็ตามที่เราทำอะไรสำเร็จ หากคุณยังไม่มีไอเดียว่าจะเรียนรู้อะไรดี ลองติดตามโพสต์ถัดไปของฉันได้เลย
3.ทิ้งของหนึ่งชิ้นทุกวัน
การใช้ชีวิตแบบมินิมอลนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมาก เราทุกคนต้องหาจุดเริ่มต้น ดังนั้นลองคิดว่านี่เป็นการท้าทายที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเส้นทางนี้ได้ ลองมองหาของหนึ่งชิ้นที่คุณไม่ต้องการหรือไม่ใช้แล้ว แล้วหาที่ไปให้มัน ไม่ว่าจะเป็นการขาย การให้ หรือบริจาค
4.หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสักบททุกวัน
ถึงแม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะมีคำตอบให้กับคำถามเกือบทุกอย่าง แต่หนึ่งในวิธีการเรียนรู้ที่ฉันชอบที่สุดก็คือการอ่านหนังสือ มีคำกล่าวว่าซีอีโอโดยเฉลี่ยอ่านหนังสือ 52 เล่มต่อปี นั่นหมายความว่าหนึ่งเล่มต่อหนึ่งสัปดาห์! แม้ว่าเราอาจจะไม่มีเวลาว่างนั่งอ่านหนังสือเป็นชั่วโมงๆ ทุกวัน แต่การอ่านหนังสือดีๆ สักบทต่อวันก็ไม่เสียหายอะไร
5.เขียนบันทึกประจำวัน
การเขียนบันทึกเป็นวิธีที่ดีในการติดตามความก้าวหน้าของคุณในการบรรลุเป้าหมาย และยังช่วยให้คุณเห็นคุณค่าในชีวิตและสะท้อนกลับไปดูตัวเองอีกด้วย อาจจะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยในแต่ละวัน แต่เมื่อคุณย้อนกลับไปดู คุณจะรู้ว่าตัวเองก้าวมาไกลแค่ไหน และจะไปได้ไกลกว่านี้แค่ไหน นอกจากการมองย้อนกลับไปดูความก้าวหน้าแล้ว การเขียนบันทึกยังช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้นอีกด้วย ผ่านคำถามที่กระตุ้นให้เกิดการคิด
6.ออกกำลังกายวันละ 30 นาที
มีคำกล่าวว่า การไม่ออกกำลังกายนั้นอันตรายพอๆ กับการสูบบุหรี่ แต่หลายคนยังคงออกกำลังกายไม่ถึง 5 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นนี่คือความท้าทายของคุณ ลองออกกำลังกายวันละอย่างน้อย 30 นาที เป็นเวลา 5 วันในสัปดาห์นี้สิ อาจจะเป็นการออกกำลังกายที่ยิม การวิ่งจ็อกกิ้งตอนเช้า หรือแม้แต่การกระโดดเชือก การออกกำลังกายทุกประเภทเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงต่อวัน ก็สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้
7.สร้างนิสัยใหม่ในตอนเช้า
ตัวอย่างหนึ่งของการสร้างนิสัยใหม่ในตอนเช้าคือการออกกำลังกาย การฝึกโยคะ หรือการนั่งสมาธิ เพื่อให้วันนั้นเริ่มต้นอย่างมีประสิทธิภาพ
8.ตื่นเช้าขึ้นอีกครึ่งชั่วโมง
เมื่อมีกิจวัตรตอนเช้าใหม่ๆ แล้ว ก็ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ตื่นเช้าขึ้นอีกนิดในตอนเช้า เพื่อให้ทำกิจวัตรเหล่านั้นได้สำเร็จ ฉันจะโกหกถ้าบอกว่ามันไม่ยากเลย แต่เมื่อฉันทำตามกิจวัตรตอนเช้าอย่างสม่ำเสมอ ฉันก็เริ่มทำอะไรได้มากขึ้น ฉันทำสมาธิติดต่อกันมาหนึ่งเดือน กินอาหารดีขึ้น และยังได้ตีพิมพ์บล็อกเป็นครั้งแรกด้วย สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นได้กับคุณเช่นกัน!
เริ่มต้นด้วยการตื่นเช้าขึ้นอีกครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยๆ ปรับเวลาตื่นให้ช้าลงหรือเร็วขึ้นตามความสะดวกของคุณเอง การตั้งเพลงที่สนุกสนานเป็นเสียงปลุก อาจจะช่วยให้คุณตื่นเช้าได้ง่ายขึ้น
9.ใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียน้อยลง
โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราติดต่อกับเพื่อนๆ ได้ แต่บางครั้ง ในขณะที่เรากำลังใช้เวลากับเพื่อนๆ อยู่ เรากลับใช้เวลากับการกดโทรศัพท์เพื่อเลื่อนดูโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยๆ เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยได้คือ การซ่อนแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์ และเก็บซ่อนไว้ในที่ที่เข้าถึงยาก เพื่อไม่ให้เราหยิบขึ้นมาเล่นได้ง่ายๆ การทำให้แอปพลิเคชันเข้าถึงยากขึ้น จะช่วยลดเวลาที่เราใช้ไปกับโซเชียลมีเดียได้
10.เขียนโน้ตขอบคุณ
เพียงแค่โน้ตขอบคุณสั้นๆ ก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับใครสักคนได้แล้ว มันแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจและต้องการจะขอบคุณพวกเขาเป็นพิเศษ นอกจากโน้ตขอบคุณแล้ว คุณยังสามารถเขียนโน้ตเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งไว้ให้กันและกัน เพื่อสร้างความสุขให้กับวันของใครสักคน หรือเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณห่วงใยพวกเขา