"ไตรกลีเซอไรด์" คืออะไร ทำไมเลขสูงต้องกังวล พร้อมวิธีลดอย่างได้ผล
ช่วงนี้หลายๆ คนคงเริ่มไปตรวจสุขภาพประจำปีก่อนจะสิ้นปีกันแล้ว ค่าตัวเลขหนึ่งที่สร้างความกังวลใจให้ใครต่อใครไม่น้อยคือ "ไตรกลีเซอไรด์" ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งในร่างกาย ว่าแต่เจ้าไตรกลีเซอไรด์นั้นแท้จริงคืออะไร ทำไมตัวเลขสูงต้องกังวล และจะรับมืออย่างไรหากตัวเลขเกินมาตรฐาน
ไตรกลีเซอไรด์คืออะไร
ไตรกลีเซอไรด์เปรียบเสมือนไขมันสะสมในร่างกายของเรา เกิดขึ้นได้จากสองกระบวนการหลัก คือ
- การสังเคราะห์ภายในร่างกาย: ตับของเราจะผลิตไตรกลีเซอไรด์ขึ้นมาจากพลังงานส่วนเกินที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ เช่น คาร์โบไฮเดรตจากข้าว แป้ง น้ำตาล
- การรับจากอาหาร: เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น เนย หรือน้ำมันต่างๆ ไขมันเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนรูปเป็นไตรกลีเซอไรด์และสะสมในร่างกาย
ทำไมไตรกลีเซอไรด์จึงสำคัญ
ไตรกลีเซอไรด์ทำหน้าที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานสำรองของร่างกาย เมื่อร่างกายขาดพลังงาน ไตรกลีเซอไรด์จะถูกนำออกมาใช้ แต่ถ้าหากมีไตรกลีเซอไรด์สะสมมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
เมื่อไหร่จะเรียกว่าไตรกลีเซอไรด์สูง
การตรวจวัดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด จะช่วยให้เราทราบว่าร่างกายมีการสะสมไขมันมากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปแล้ว ค่าไตรกลีเซอไรด์ที่ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 50-150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากผลตรวจออกมาสูงกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หลังจากอดอาหารมาแล้ว 8-12 ชั่วโมง แสดงว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ของคุณสูงกว่าปกติ และร่างกายอาจมีปัญหาในการกำจัดไขมันส่วนเกิน
อันตรายจากไตรกลีเซอไรด์สูง
หากระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้แก่
- โรคหัวใจและหลอดเลือด: ไตรกลีเซอไรด์สูงอาจทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและอุดตัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- โรคอ้วน: ไตรกลีเซอไรด์ส่วนเกินจะถูกสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- โรคตับ: ไตรกลีเซอไรด์ที่สะสมในตับมากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ
- โรคตับอ่อนอักเสบ: ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมากอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของตับอ่อน
- โรคอื่นๆ: เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด
วิธีป้องกันและควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์
- ควบคุมอาหาร: ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตขัดสี และน้ำตาล
- ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเผาผลาญพลังงานและลดระดับไตรกลีเซอไรด์
- ควบคุมน้ำหนัก: การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไตรกลีเซอไรด์
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นให้ตับผลิตไตรกลีเซอไรด์มากขึ้น
- รับประทานยา: หากมีภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อช่วยควบคุมระดับ