แนะ 5 เทคนิคของคนกำลังเริ่มเวทเทรนนิ่ง เพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผลจริง
การฝึกความต้านทานอย่างเวทเทรนนิ่ง เป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกาย ที่เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยการเอาชนะความต้านทานจากน้ำหนักด้วยการยกดัมเบล การใช้แถบยางต้านแรงโน้มถ่วง หรือแม้แต่การใช้วิธีบอดี้เวทหรือการออกกำลังกายด้วยน้ำหนักตัว ให้ประโยชน์ของการฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำ ความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการพัฒนาไปสู่การออกกำลังกายในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ การฝึกเวทเทรนนิ่งยังช่วยปรับปรุงการทำงานของข้อต่อและเอ็น รวมถึงเพิ่มมวลกระดูกและกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวันนี้เราก็มี 5 เทคนิคแนะนำสำหรับสาว ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายประเภทนี้มาฝาก เพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผลดีที่สุด
1.ทำเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
การฝึกเวทเทรนนิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเน้นที่กลุ่มกล้ามเนื้อหลักและแกนกลางลำตัว โดยทำประมาณ 8-10 ท่าต่อครั้ง แต่ละท่าควรทำซ้ำประมาณ 8-10 ครั้ง รวมเป็น 1 เซ็ต และไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ
2.อย่าลืมวอร์มอัพก่อนเสมอ
การวอร์มอัพร่างกายก่อนเริ่มออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นด้วยการวอร์มอัพแบบไดนามิก เช่น การเดินเร็ว การจ็อกกิ้งเบา ๆ หรือการปั่นจักรยาน ประมาณ 5 นาที ผสมผสานการยืดกล้ามเนื้อ โดยการเคลื่อนไหวให้ช้าและควบคุมได้ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและป้องกันการบาดเจ็บ
3.ต้องมีช่วงพักกล้ามเนื้อบ้าง
แนะนำให้แต่ละกลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำเวทเทรนนิ่ง ได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อส่งเสริมความแข็งแรงและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้เต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้กลุ่มกล้ามเนื้อเดียวกันติดต่อเป็นเวลา 2 วัน และจัดช่วงเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม เพื่อการฟื้นตัวและการเติบโตของกล้ามเนื้อใหม่ที่มีประสิทธิภาพ
4.พัฒนาตัวเองและเพิ่มระดับเสมอ
เมื่อเริ่มฝึกความแข็งแรงด้วยเวทเทรนนิ่ง สิ่งสำคัญคือต้องค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย พัฒนาตัวเองและเพิ่มระดับความเข้มข้นทีละน้อย เช่น เพิ่มน้ำหนักในการเล่นเวท การขยายระยะเวลาของการออกกำลังกาย และเพิ่มความถี่ของการฝึก เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกด้วยน้ำหนักขั้นต้น เป็นเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ และรู้สึกสบายตัวแล้ว ไม่ปวดหรือเจ็บง่าย ก็ถึงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อการออกกำลังกายในระดับต่อไป
5.สลับวิธีการออกกำลังกาย
อุปสรรคในการออกกำลังกายของสาว ๆ ที่เกิดขึ้นเสมอ คือ น้ำหนักคงที่ ไม่เพิ่ม ไม่ลด กล้ามเนื้อไม่แน่น หุ่นไม่เป๊ะสักที แม้จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดก็ตาม เพื่อเอาชนะอุปสรรคนี้ สิ่งสำคัญคือต้องออกกำลังกายสลับวิธีไปเรื่อย ๆ และปรับเปลี่ยนแผนโภชนาการของคุณใหม่ แนะนำการออกกำลังกายใหม่และติดตามปริมาณอาหารที่รับประทานอย่างใกล้ชิด มีการปรับให้เหมาะสมเสมอ จะช่วยให้คุณฝ่าด่านอุปสรรคในการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรมออกกำลังกายที่ดี ควรมีรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด ซึ่งรวมถึงการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจและปอดของสาว ๆ นอกจากนี้ การออกกำลังกายเพื่อรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเอ็น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากอีกด้วย