ออกกำลังกายด้วยการเดิน VS วิ่ง แบบไหนดีกว่ากัน? พร้อมคำแนะนำที่ควรรู้
การออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่ง เป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่าย สามารถทำได้เกือบทุกที่ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าควรเลือกเดินหรือวิ่งดีกว่ากันในการเผาผลาญแคลอรี ลดน้ำหนัก และดีต่อสุขภาพ ในวันนี้เราจึงมาขอแนะนำให้คุณผู้หญิงที่กำลังสงสัยเรื่องนี้ ดูข้อดีของการเดินและวิ่ง เปรียบเทียบความเหมาะสม พร้อมแนะนำเคล็ดลับที่ควรรู้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด มาดูกันเลยนะ
การเดินออกกำลังกาย เหมาะสำหรับใคร?
การเดินเป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นออกกำลังกาย คนที่มีปัญหาเรื่องข้อหรือเข่า รวมถึงผู้สูงอายุ การเดินมีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต ลดความเครียด และกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เช่นกัน
ข้อดีของการเดินออกกำลังกาย
- แรงกระแทกต่ำ การเดินส่งผลกระทบต่อข้อเข่าและข้อเท้าน้อยกว่าการวิ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ
- เสริมสุขภาพใจและผ่อนคลาย การเดินช่วยลดความเครียด เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ใช้แรงน้อยกว่า เหมาะสำหรับการพักผ่อนและกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
- เผาผลาญพลังงานต่อเนื่องได้ดี ถึงแม้ว่าจะใช้แคลอรีน้อยกว่าการวิ่ง แต่การเดินเป็นเวลานาน ๆ เช่น 1 ชั่วโมงขึ้นไป ก็ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้
เหมาะสำหรับใคร
- คนที่เริ่มต้นออกกำลังกาย
- ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาข้อต่อ
- ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ในทุกวัน
การวิ่งออกกำลังกาย เหมาะสำหรับใคร?
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ให้การเผาผลาญพลังงานสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือลดไขมันในระยะเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะการวิ่งเร็วหรือวิ่งสลับ เช่น การวิ่งแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) การวิ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงทำให้กล้ามเนื้อขาและสะโพกแข็งแรงขึ้น
ข้อดีของการวิ่งออกกำลังกาย
- เผาผลาญพลังงานมากกว่า การวิ่งสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าการเดินในระยะเวลาเท่ากัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด แต่ต้องการเบิร์นไขมันได้เร็ว
- เสริมสร้างความทนทาน การวิ่งช่วยฝึกความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อกับระบบหัวใจ
- เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ การวิ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อขา สะโพก และแกนกลางร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการวิ่งในพื้นที่ต่างระดับ เช่น วิ่งขึ้นเนิน หรือวิ่งสลับความเร็ว
เหมาะสำหรับใคร
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะสั้น
- ผู้ที่เคยออกกำลังกายสม่ำเสมออยู่แล้ว ต้องการเพิ่มความเข้มข้น
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าหรือข้อต่อ
คำแนะนำในการเลือกออกกำลังกายให้เหมาะสม
- เริ่มจากการเดินแล้วค่อยพัฒนาเป็นการวิ่ง สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มจากการเดิน 30-40 นาที แล้วค่อย ๆ พัฒนาความเร็วหรือเปลี่ยนเป็นการวิ่งเบา ๆ เมื่อร่างกายพร้อม
- ฟังร่างกาย หากรู้สึกปวดข้อเข่าหรือข้อเท้า ควรพักผ่อนและไม่ฝืนออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้บาดเจ็บได้
- สลับการออกกำลังกายระหว่างการเดินและการวิ่ง หากต้องการเผาผลาญแคลอรีสูง การเดินสลับการวิ่ง เช่น เดิน 1 นาที วิ่ง 1 นาที สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเลือกเดินหรือวิ่ง ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพและการลดน้ำหนัก
การเดินและการวิ่งมีข้อดีในแบบของตัวเอง การที่สาว ๆ เลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละคน หากคุณเพิ่งเริ่มต้นและต้องการออกกำลังกายที่เบา ๆ แต่ได้ประโยชน์ ก็สามารถเลือกการเดินได้ ในขณะที่ถ้าต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหาสุขภาพด้านข้อต่อ การวิ่งก็จะเป็นทางเลือกที่ดี การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือวิ่งจะได้ผลดีที่สุด หากทำอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์