เทคนิคกิน "กล้วยน้ำว้า" ให้สุขภาพดี ไม่อ้วน ไม่เสี่ยงน้ำตาลขึ้น
กล้วยน้ำว้า ผลไม้ไทยรสชาติดี หาซื้อง่าย และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย การรับประทานกล้วยน้ำว้าเป็นประจำจึงช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงได้อย่างน่าทึ่ง
เทคนิคกินกล้วยน้ำว้า
1.กล้วยดิบ
กล้วยดิบอุดมไปด้วยสารแทนนิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการเคลือบและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่น กินอาหารไม่ตรงเวลา การรับประทานกล้วยดิบสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการแสบร้อนและปวดท้องได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้กล้วยดิบยังมีส่วนช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานเป็นปกติ อีกทั้งยังไม่มีรสหวาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
วิธีรับประทานกล้วยดิบ:
- ฝาน: หั่นเป็นชิ้นบางๆ รับประทานสดๆ หรือจะนำไปปรุงอาหารได้
- อบ: นำไปอบจนสุกเหลือง รับประทานเป็นของว่าง
- บดผง: นำไปบดเป็นผง ชงกับน้ำอุ่นดื่ม
2.กล้วยห่าม
กล้วยห่ามหรือกล้วยที่กำลังจะสุกนั้น มีประโยชน์อย่างมากในการบรรเทาอาการท้องเสีย เนื่องจากเมื่อเกิดอาการท้องเสีย ร่างกายจะสูญเสียโพแทสเซียมไปเป็นจำนวนมาก การรับประทานกล้วยห่ามจะช่วยทดแทนโพแทสเซียมที่สูญเสียไป ช่วยให้ร่างกายกลับมาสมดุลได้เร็วขึ้น นอกจากโพแทสเซียมแล้วกล้วยห่ามยังอุดมไปด้วยใยอาหารและสารแทนนิน ซึ่งช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ ทำให้กากอาหารมีความแข็งตัวมากขึ้น ช่วยลดอาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยเคลือบเยื่อบุลำไส้ ลดการระคายเคือง ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
อีกทั้งกล้วยห่ามยังมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณโปรไบโอติกในลำไส้ ซึ่งเป็นแบคทีเรียดีที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหารและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ลำไส้แข็งแรงขึ้น
สรุปแล้ว กล้วยห่ามจึงเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาท้องเสีย ช่วยบรรเทาอาการและฟื้นฟูสุขภาพของลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว
3.กล้วยสุก
กล้วยสุกสีเหลืองอร่าม มีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกล้วยสุกอุดมไปด้วยสารเพคติน ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ เมื่อรับประทานเข้าไป สารเพคตินจะช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้กล้วยสุกยังช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย เพราะการขับถ่ายที่ราบรื่นจะช่วยลดแรงกดทับบริเวณทวารหนัก
ข้อควรระวัง: แม้กล้วยสุกจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะกล้วยสุกมีน้ำตาลสูง การรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ การรับประทานกล้วยสุกวันละ 1 ลูก ถือว่าเพียงพอสำหรับการดูแลระบบขับถ่าย
4.กล้วยงอม
หลายคนอาจมองข้ามกล้วยสุกงอมที่มีเปลือกสีเข้มเกือบดำ แต่รู้หรือไม่ว่ากล้วยชนิดนี้กลับอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม
สารเบต้าแคโรทีนในกล้วยสุกงอมจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งมีหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ดังนั้นกล้วยสุกงอมจึงไม่ใช่แค่ผลไม้ที่อร่อย แต่ยังเป็นอาหารเสริมสุขภาพที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย