"รู้หรือไม่? เทอาหารแมวทิ้งไว้อันตรายกว่าที่คิด ทาสแมวควรระวัง!
ทาสแมวหลายคนมักเทอาหารเม็ดแมวทิ้งไว้ เพื่อให้น้องแมวได้เลือกกินได้ตลอดเวลาตามใจชอบ ซึ่งถือเป็นวิธีที่สะดวกสำหรับเจ้าของ อย่างไรก็ตามหลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า จริง ๆ แล้วการทำแบบนี้ดีต่อน้องแมวจริงหรือไม่?
วันนี้ Sanook จึงอยากพาทุกคนมาไขข้องสงสัยว่าเราควรเทอาหารแมวทิ้งไว้หรือไม่ พร้อมเปิดวิธีให้อาหารที่เหมาะสมกับน้องแมว จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย!
ควรเทอาหารทิ้งไว้ให้แมวหรือไม่?
การเทอาหารแมวทิ้งไว้ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่สะดวกสำหรับเจ้าของและน้องแมว แต่กลับมีข้อเสียสำคัญที่ควรพิจารณา ดังนี้
1. เสี่ยงต่อโรคอ้วน
การปล่อยอาหารให้แมวกินได้ตลอดเวลา อาจทำให้น้องแมวบริโภคอาหารมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานและโรคเกี่ยวกับข้อต่อ
2. ความสะอาดและการปนเปื้อน
อาหารเม็ดที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป อาจเกิดการปนเปื้อนเชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือแมลงต่างๆ ทำให้น้องแมวเจ็บป่วยได้
3. ยากต่อการควบคุมพฤติกรรมการกินในแมวหลายตัว
สำหรับบ้านที่มีแมวหลายตัว การวางอาหารทิ้งไว้ อาจทำให้บางตัวกินมากเกินไปและบางตัวกินได้น้อยเกินไป ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและสมดุลการกินของแต่ละตัว นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าของไม่สามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติไปของน้องแมวอีกด้วย
วิธีให้อาหารแมวที่เหมาะสม
- กำหนดเวลาให้และจำนวนมื้ออาหารที่เหมาะสม
การกำหนดเวลาให้อาหารจะช่วยสร้างนิสัยที่ดีให้กับแมว ทำให้แมวกินอาหารเป็นเวลา นอกจากนี้การให้จำนวนมื้ออาหารที่เหมาะสมกับแมวในแต่ละช่วงวัยก็สำคัญเช่นเดียวกัน
- ลูกแมวหย่านม - 6 เดือน: ควรให้อาหารวันละ 3 มื้อ
- แมวโต (6 เดือนขึ้นไป): ควรให้อาหารวันละ 2 มื้อ โดยแต่ละมื้อไม่ควรห่างกัน 12 ชั่วโมง เนื่องจากหากกินห่างเกินไป กระเพาะจะผลิตกรดมากเกินไป ทำให้น้องแมวเกิดอาการคลื่นไส้ได้
- แมวสูงอายุ (10 ปีขึ้นไป): ยิ่งแมวอายุมากขึ้น ความอยากอาหารและระบบเผาผลาญของแมวจะลดลง จึงอาจให้เป็นอาหารวันละ 1-2 มื้อ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ปริมาณที่เหมาะสม
ปริมาณอาหารของแมวในแต่ละมื้อ ควรปรับให้เหมาะสมกับน้ำหนัก และช่วงวัย โดยเจ้าของสามารถสังเกตปริมาณอาหารที่จำเป็นตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ได้
- เลือกสูตรอาหารที่เหมาะสม
เช่นเดียวกัน การเลือกสูตรอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย และความต้องการเฉพาะของน้องแมวแต่ละตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากน้องแมวแต่ละตัวมีความต้องการที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ในแมวสูงอายุ จะไม่ต้องการอาหารที่มีแคลอรี่สูง เนื่องจากไม่ได้มีกิจกรรมมากเท่าแมวโต หรือในแมวบางตัว อาจมีปัญหาเรื่องทางเดินปัสสาวะ ปัญหาขนร่วง เจ้าของก็สามารถเลือกอาหารที่ตรงต่อความต้องการ และแก้ไขปัญหาของน้องแมวได้ เป็นต้น
อย่างอาหารเม็ดเมว Lifemate ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของ เนื่องจากมีหลายสูตรให้เลือก ทั้งสูตรสำหรับลูกแมวและแม่แมว (Lifemate Grain Free Kitten & Mother) ที่มีสารสกัดจากนมน้ำเหลือง (Colostrum) ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแมว, สูตรแมวสูงวัยอย่าง Lifemate Senior 7+ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของแมวสูงอายุ หรือสูตรสำหรับแมวที่มีความต้องการเฉพาะ ทั้งแมวที่มีปัญหาขนร่วง สามารถใช้ Lifemate Care+ สูตร Skin & Coat หรือแมวที่มีปัญหาก้อนขนก็สามารถเลือกอาหาร Lifemate Care+ สูตร Urinary Hairball Digestive ได้
นอกจากนี้อาหารเม็ดแมว Lifemate ทุกสูตรยังมาในรูปแบบพรีเมี่ยม อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นสำหรับน้องแมวในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะ Superfoods อย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แครอท ถั่วลันเตา ที่ช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ตอบโจทย์สำหรับทาสแมวที่อยากดูแลให้น้องอยู่กับเราไปนาน ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีให้อาหารแมวที่เหมาะสม ไม่ยากเลยใช่ไหม? ลองนำไปปรับใช้กันดูนะ เพราะการเทอาหารทิ้งไว้แม้จะสะดวก แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นควรเลือกวิธีให้อาหารที่เหมาะสม โดยกำหนดเวลา ปริมาณ และเลือกสูตรอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของน้องแมว เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากอาหารที่ดีและการดูแลอย่างใส่ใจ เพื่อให้น้องแมวอยู่เคียงข้างเราไปนาน ๆ
[Advertorial]