"กะหล่ำปลี" กับผลกระทบด้านสุขภาพ แบบไม่คาดคิดมาก่อน

"กะหล่ำปลี" กับผลกระทบด้านสุขภาพ แบบไม่คาดคิดมาก่อน

"กะหล่ำปลี" กับผลกระทบด้านสุขภาพ แบบไม่คาดคิดมาก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กะหล่ำปลีเป็นผักใบเขียวชนิดหนึ่งในวงศ์เดียวกับผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ดอกกะหล่ำปลี บร็อคโคลี และบรัสเซลส์สเปร็อด มีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น กะหล่ำปลีแดง ม่วง เขียว และขาว แต่กะหล่ำปลีเขียวเป็นที่นิยมและหาซื้อได้ง่ายที่สุด สามารถรับประทานได้ทั้งแบบผักสดและสลัด กะหล่ำปลีอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และใยอาหาร จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การรับประทานกะหล่ำปลีมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ จึงควรระมัดระวังในการบริโภค

ผลกระทบด้านสุขภาพของกะหล่ำปลี

1.เสี่ยงต่อการเกิดโรคคอพอก กะหล่ำปลีเป็นผักที่มีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เนื่องจากมีสารกอยโตรเจนที่ขัดขวางการดูดซึมไอโอดีน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคคอพอก

2.อาจทำให้ได้รับสารเคมีตกค้างสะสม กะหล่ำปลีที่ปลูกโดยใช้สารเคมี เมื่อรับประทานดิบ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีตกค้าง

3.สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ต่อผักในวงศ์ผักกาดและกะหล่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกะหล่ำปลีเนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้ อาเจียน ผื่นขึ้น ใบหน้าและลิ้นบวมได้

4. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและผู้ที่มีการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกะหล่ำปลีด้วยเช่นกัน เพราะกะหล่ำปลีอาจส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง เนื่องจากกะหล่ำปลี โดยเฉพาะกะหล่ำปลีดิบ อาจมีสารยับยั้งที่ไปขัดขวางการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์

5. เนื่องจากกะหล่ำปลีมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หากรับประทานในปริมาณมาก โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไประหว่างผ่าตัด ที่อาจนำไปสู่อาการชักหมดสติ ดังนั้นจึงควรหยุดรับประทานกะหล่ำปลีอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด

เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาเหล่านี้ ควรล้างกะหล่ำปลีให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือด่างทับทิมก่อนนำไปประกอบอาหาร การปรุงอาหารด้วยความร้อนจะช่วยลดปริมาณสารเคมีตกค้างและทำลายสารกอยโตรเจนได้อีกด้วย

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook