แต่งหน้าแล้วเป็นคราบ กับ 6 วิธีแก้ปัญหาเร่งด่วน สวยเสกได้
Thailand Web Stat

แต่งหน้าแล้วเป็นคราบ กับ 6 วิธีแก้ปัญหาเร่งด่วน สวยเสกได้

แต่งหน้าแล้วเป็นคราบ กับ 6 วิธีแก้ปัญหาเร่งด่วน สวยเสกได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงนี้แต่งหน้าจัดเต็มแบบปังๆ กันไหม ? หรือว่าแต่งหน้าเบาๆ สไตล์ธรรมชาติตามปกติ แล้วเคยประสบปัญหาเครื่องสำอางเป็นคราบหรือไม่? การที่รองพื้นแยกตัวและเป็นคราบเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการแต่งหน้า การแก้ไขปัญหานี้จะช่วยให้คุณมั่นใจและสวยงามตลอดวัน บทความนี้จะนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาแต่งหน้าแล้วเป็นคราบนี้กันอย่างละเอียด

ทำไมรองพื้นถึงเป็นคราบ? มาหาคำตอบกัน

1.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว สาเหตุหลักที่ทำให้รองพื้นแยกตัวบนใบหน้าอาจเกิดจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว การใช้รองพื้นประเภทครีม มูส หรือสติ๊ก บนผิวมันอาจทำให้รองพื้นละลายและเยิ้มได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การใช้รองพื้นแบบฝุ่นหรือแป้งบนผิวแห้งอาจทำให้ผิวดูแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้ รองพื้นแบบฝุ่นยังอาจทำให้เห็นริ้วรอยและผิวที่แห้งกร้านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

2.สภาพผิวก่อนการแต่งหน้า มีบทบาทสำคัญต่อการคงความติดทนของรองพื้นตลอดทั้งวัน หากพบปัญหาเครื่องสำอางเป็นคราบหรือลอกเป็นขุยในระหว่างวัน อาจเกิดจากการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ผิวหนังมีการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรก ซึ่งส่งผลต่อการเกาะติดของรองพื้น การดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจำนวนมากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการอุดตันได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแต่งหน้า

3.ทารองพื้นหนาเกินไป เพื่อให้ได้ผิวหน้าที่สมบูรณ์แบบ อาจส่งผลให้รองพื้นหลุดลอกและเกิดการสะสมเป็นคราบ โดยเฉพาะบริเวณที่ใช้แป้งฝุ่นเซ็ต

4.การเลือกใช้ไพรเมอร์และรองพื้นที่มีส่วนผสมที่ไม่เข้ากัน เช่น การใช้ไพรเมอร์แบบน้ำมันกับรองพื้นแบบน้ำ อาจทำให้เกิดปัญหาเครื่องสำอางเป็นคราบได้ ความเข้ากันของสูตรระหว่างไพรเมอร์และรองพื้นมีผลต่อการคงอยู่ของเครื่องสำอางบนผิวหน้าเป็นอย่างมาก หากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดไม่เข้ากัน อาจทำให้เครื่องสำอางหลุดลอกและเกิดการสะสมเป็นคราบได้

6 วิธีแก้ปัญหารองพื้นเป็นคราบ

1.เตรียมผิวหน้า เพื่อให้การแต่งหน้าเรียบเนียนและติดทนนาน จำเป็นต้องเตรียมผิวหน้าให้พร้อมด้วยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนการดูแลผิวเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน จากนั้นจึงทำการผลัดเซลล์ผิวเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ควรหลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวก่อนการแต่งหน้า เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA เช่น ซาลิไซลิก แอซิด สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน ในขณะที่ผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA เช่น กรดแลคติก จากนั้นบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้การแต่งหน้าไม่เรียบเนียนและอาจทำให้ปัญหาผิวเด่นชัดยิ่งขึ้น

2.ใช้ไพรเมอร์ก็เป็นขั้นตอนสำคัญในการแต่งหน้า การใช้ไพรเมอร์จะช่วยสร้างเกราะป้องกันระหว่างผิวหน้ากับเครื่องสำอาง ช่วยลดปัญหาการละลายและไหลเยิ้มของรองพื้น การเลือกใช้ไพรเมอร์และรองพื้นที่มีส่วนผสมที่เข้ากันเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ไพรเมอร์ซิลิโคนควรใช้คู่กับรองพื้นซิลิโคน และไพรเมอร์แบบน้ำควรใช้คู่กับรองพื้นแบบน้ำ สามารถตรวจสอบส่วนผสมได้จากฉลากผลิตภัณฑ์ ถ้าอยากรู้ว่าผลิตภัณฑ์ไหนมีส่วนผสมของซิลิโคน ลองสังเกตชื่อส่วนผสมพวก dimethicone, cyclohexasiloxane, cyclopentasiloxane และ cyclomethicone นะคะ หรือจะสังเกตจากคำลงท้ายของชื่อส่วนผสมว่ามี -cone, -methicone หรือ -siloxane ก็ได้ค่ะ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำจะไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนและน้ำมัน แต่ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมัน จะเห็นชื่อน้ำมันต่างๆ เช่น อาร์แกน ซันฟลาวเวอร์ อะโวคาโด หรือมิเนอรัลออยล์ อยู่ในส่วนผสมแรกๆ เลย

3.การเลือกใช้รองพื้นที่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะรองพื้นแต่ละสูตรนั้นออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผิวแต่ละประเภท หากเลือกใช้รองพื้นที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้รองพื้นเป็นคราบและส่งผลเสียต่อลุคโดยรวมได้ ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ล้วนมีรองพื้นที่เหมาะสมสำหรับคุณ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกซื้อรองพื้นได้จากหัวข้อก่อนหน้านี้

4.การทารองพื้นน้อยลงจะช่วยให้ผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติและป้องกันปัญหาการเป็นคราบ การทารองพื้นทีละชั้นหนาๆ อาจทำให้เกลี่ยยากและเกิดรอยด่างได้ ดังนั้น ควรทารองพื้นบางๆ ก่อน แล้วค่อยเติมในจุดที่ต้องการปกปิด การเลือกใช้อุปกรณ์แต่งหน้าที่เหมาะสมและเทคนิคการเกลี่ยที่ถูกต้องก็มีส่วนสำคัญในการสร้างลุคการแต่งหน้าที่สวยงาม

5.การเลือกใช้อุปกรณ์แต่งหน้าเป็นสิ่งสำคัญ การใช้นิ้วมือเป็นวิธีที่ชื่นชอบของช่างแต่งหน้ามืออาชีพ เนื่องจากความอบอุ่นของมือจะช่วยให้รองพื้นละลายและเกลี่ยง่ายขึ้น ทำให้ได้ลุคที่เป็นธรรมชาติ แต่ควรระวังอย่าถูผิวหน้าขณะเกลี่ยเครื่องสำอาง ควรแตะเบาๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง

แปรงแต่งหน้าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการแต่งหน้าให้สวยงามสมบูรณ์แบบ โดยแต่ละประเภทของเครื่องสำอางจะมีแปรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยเฉพาะ แปรงรองพื้นช่วยให้การเกลี่ยรองพื้นเป็นไปอย่างทั่วถึงและเรียบเนียน สามารถสร้างความปกปิดได้ดีเท่าเทียมกับการใช้นิ้วมือแตะ แต่แปรงรองพื้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น การเลือกใช้แปรงรองพื้นที่เหมาะสมกับเนื้อรองพื้นจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟองน้ำหรือพัฟแต่งหน้าเปียกน้ำเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างลุคการแต่งหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากสามารถเกลี่ยรองพื้นได้อย่างเรียบเนียนและเสมอกันจนดูเหมือนเป็นผิวจริงของผู้สวมใส่ ฟองน้ำหรือพัฟเปียกน้ำสามารถใช้ได้กับรองพื้นทุกประเภทและให้ผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างสม่ำเสมอ การแตะและกดเบาๆ บนผิวหน้าจะช่วยให้ได้ลุคที่ดูเรียบเนียนและไร้ที่ติ เนื่องจากฟองน้ำเป็นวัสดุที่มีรูพรุน จึงสามารถดูดซับและกักเก็บของเหลวไว้ได้ น้ำจะช่วยให้ฟองน้ำหรือพัฟขยายตัวและอ่อนนุ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การลงรองพื้นเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เกิดคราบ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ น้ำมีส่วนช่วยให้ฟองน้ำปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาบนผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าที่จะดูดซับผลิตภัณฑ์เข้าไปในตัวฟองน้ำ ควรบีบฟองน้ำให้ชื้นเล็กน้อย ไม่ควรเปียกจนเกินไป เพื่อให้ฟองน้ำมีความนุ่มและพร้อมใช้งาน

6.การทำความสะอาดเครื่องมือแต่งหน้าเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก เช่น คราบเครื่องสำอางและแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้การแต่งหน้าไม่เรียบเนียน ควรล้างมือให้สะอาดก่อนการแต่งหน้าด้วยมือ และทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สำหรับฟองน้ำแต่งหน้า ควรล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งานและเปลี่ยนฟองน้ำใหม่ทุก 3 เดือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้