2 วิตามิน อาหารเสริมที่คนมองว่าดี แต่กลับกระทบต่อ "ไต" จึงควรระวัง
Thailand Web Stat

2 วิตามิน อาหารเสริมที่คนมองว่าดี แต่กลับกระทบต่อ "ไต" จึงควรระวัง

2 วิตามิน อาหารเสริมที่คนมองว่าดี แต่กลับกระทบต่อ "ไต" จึงควรระวัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไตของเราเปรียบเสมือนโรงงานบำบัดของเสียที่สำคัญที่สุดในร่างกาย คอยกรองของเสียและสารพิษต่างๆ ออกจากกระแสเลือด เพื่อรักษาสมดุลของเกลือแร่และของเหลวในร่างกาย แต่เมื่อไตทำงานผิดปกติ หรือเคยมีประวัติปัญหาเกี่ยวกับไต การดูแลสุขภาพจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องของวิตามินและอาหารเสริมที่หลายคนมองว่าเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ แต่หากไตไม่แข็งแรง การรับประทานวิตามินและอาหารเสริมบางชนิด อาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายไตโดยไม่รู้ตัว และนี่คือวิตามิน อาหารเสริม 2 ชนิดที่คนทั่วไปทานกันเป็นประจำ

วิตามิน อาหารเสริม 2 ชนิด

1.วิตามินซี

วิตามินซี หรือกรดแอสคอบิก (ascorbic acid) เป็นวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ผู้ที่ขาดวิตามินซีจะทำให้เกิดโรคลักปิดลักเปิด (scurvy) ผิวหนังแห้ง มีจุดเลือดออก เหงือกบวมแดง มีเลือดออกง่าย ปลายประสาทอักเสบ แผลหายช้า และผมร่วง โดยปกติร่างกายต้องการวิตามินซี 30-100 mg ต่อวัน หากได้รับวิตามินซีเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการจะถูกกำจัดที่ไต และขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งสารที่ได้จากการกำจัดที่ไตได้แก่สาร ascorbate-2-sulfate และ oxalic acid โดยคนที่ไตทำงานบกพร่อง สาร oxalic acid จะตกตะกอนที่ไตทำให้เกิดผลึก calcium oxalate ทำให้เพิมความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต

2.คอลลาเจน

คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างขึ้น และเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง ผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผนังหลอดเลือด มีหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) พบในเส้นเอ็น หลอดเลือด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นป้องกันเนื้อเยื้อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมาแผลบนผิวหนังได้ดี จึงเป็นคอลลาเจนสำหรับบำรุงผิว คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ช่วยกระตุ้นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูกอ่อนให้มีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นคอลลาเจนสำหรับบำรุงกระดูก คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) พบในผิวหนังที่มีการสร้างใหม่ พบมากในผิวของเด็ก จึงคล้ายกับคอลลาเจนชนิดที่ 1

ข้อควรระวังในการใช้คอลลาเจน

1.ผู้ที่มีประวัติแพ้โปรตีนมาก่อน

2.ผู้ที่แพ้อาหารทะเล/ปลา เพราะส่วนมากคอลลาเจนในปัจจุบันถูกสกัดมาจากปลา

3.ผู้ป่วยที่เคยมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับไต ไม่ควรทานโปรตีนในปริมาณสูง และมีรายงานการเกิดโรค Collagen type III glomerulopathy ซึ่งเป็นโรคของโกลเมอรูลัสที่พบได้น้อยมาก แต่สาเหตุเกิดจากการสะสมของคอลลาเจนชนิดที่ 3 ผิดปกติบริเวณมีแซงเจียลเมทริกซ์ และบริเวณใต้ชั้นเซลล์หลอดเลือดภายในโกลเมอรูลัส

4.ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก และหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือเพียงพอ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้