10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป

10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป

10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แม้ว่าการปกป้องลูกจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะยากเกินไป แต่ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่สามารถทำได้ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน ของลูกให้แข็งแรง ลองปฎิบัติตามเคล็ดลับดีๆ 10 วิธี ต่อไปนี้ เพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป การเลี้ยงลูก, ลูกน้อย 1. มองการณ์ไกล แม้ในช่วงขวบปีแรก จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาระบบภูมิต้านทานในเด็ก แต่ใช่ว่าพัฒนาการจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น จริงๆ แล้ว ระบบภูมิต้านทานจะมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องไปจนตลอดชีวิต และมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียอันตรายที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น การส่งเสริมให้ลูกได้รับสารอาหารที่เหมาะสมตั้งแต่แรกเกิด การเลี้ยงดูและการเลือกสรรสารอาหารที่เหมาะสมให้กับลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ และไม่เพียงแต่ความใส่ใจในเรื่องสารอาหาร แต่การเลี้ยงดูลูกที่ถูกต้องในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นไปด้วยความสุข ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้ลูกได้เป็นอย่างดี 2. รู้จักคุณค่าของนมแม่และสารอาหาร นมแม่ เป็นสิ่งสำคัญที่มีคุณค่าสารอาหารที่ดีที่สุดในการเลี้ยงลูก และยังมีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายลูกอีกมากมายตั้งแต่แรกเกิด ไปจนตลอดชีวิต ซึ่งคุณแม่ควรทำความเข้าใจว่ามีสารอาหารชนิดใดบ้างที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของลูก การได้รับวิตามินเอ, ธาตุเหล็ก, ธาตุสังกะสี และธาตุซีลีเนียมไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ผักและผลไม้ก็เป็นแหล่งอาหารสำคัญที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ซึ่งสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้ลูก การผสมผสานผักและผลไม้หลากหลายเมนูเพื่อเพิ่มความน่าทานให้ลูกมากขึ้น 3. เพิ่มพรีไบโอติก พรีไบโอติกเป็นสารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านภูมิต้านทานให้กับลูก โดยมีหน้าที่เสริมสร้างแบคทีเรียสุขภาพให้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหารและสุขภาพของลำไส้ และยังช่วยในการสร้างภูมิต้านทานธรรมชาติ แบคทีเรียสุขภาพ ช่วยชะลอการเติบโตและลดจำนวนของแบคทีเรียอันตราย และยังช่วยลดการเกิดการติดเชื้อได้อีกด้วย กล้วยบด (อุดมไปด้วยพรีไบโอติก) และผลไม้ผลนุ่ม ผสมกับโยเกิร์ต เป็นเมนูแนะนำที่มีคุณค่าสารอาหารสำหรับเด็กวัย 6-9 เดือน 4. ทานอาหารให้สนุกร่วมกัน การให้ลูกมีส่วนร่วมในโต๊ะอาหาร ถือเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ลองพยายามให้ลูกทานอาหารแบบเดียวกับคุณ โดยปรุงแต่งให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย การทำอาหารเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะคุณสามารถเลือกอาหารที่มีประโยชน์ได้มากที่สุดให้กับลูก โดยคุณอาจจะผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์หรืออาหารอื่นๆ ที่คุณปรุงสำหรับตัวเอง เพื่อให้ลูกได้สารอาหารที่เหมาะสมอย่างครบถ้วนก็ได้ หากลูกไม่ยอมทานผัก ลองวิธีใหม่ๆ โดยอาจหั่นผักเป็นรูปทรงหรือลวดลายต่างๆ เพื่อให้มื้ออาหารทั้งน่าสนุกและน่าอร่อยมากขึ้น 5. เสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ลูกด้วยสารอาหารที่หลากหลาย การให้ลูกได้ลองทานอาหารที่หลากหลายทุก 2-3 วัน เป็นสิ่งแนะนำในช่วงเริ่มต้นทานอาหาร เพราะจะทำให้ลูกได้เรียนรู้รสชาติและผิวสัมผัสของอาหารเพื่อช่วยพัฒนาต่อมรับรสและกล้ามเนื้อปาก นอกจากนี้ การให้ลูกลองทานอาหารใหม่ๆ ทีละชนิด จะช่วยให้คุณสังเกตได้ว่าลูกแพ้อาหารประเภทใดบ้าง เช่น ถั่ว, นมวัว, ไข่, ปลา, หอย, กุ้ง การเลี้ยงลูก, ลูกน้อย 6. เพิ่มโอเมก้า 3 อาหารจำพวกปลาเป็นส่วนสำคัญต่อโภชนาการที่ดีต่อลูก ปลาที่อุดมไปด้วยไขมันดี เช่น แซลมอน, แม็คคาเรล และซาร์ดีน อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยพัฒนาการทางสมองของลูก โดยอาจทำเมนูง่ายๆ แต่มีประโยชน์ เช่น มันบด ทานควบคู่กับปลาทะเลนึ่ง หรือปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ให้ลูกทาน ก็จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของลูกได้เป็นอย่างดี ลองเริ่มต้นด้วยเมนูง่ายๆ โดยการคลุกเคล้าเนื้อปลากับน้ำข้าวต้ม แล้วใส่ในจานชามลวดลายน่ารักให้ลูกทาน เพื่อเริ่มต้นการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูก 7. เพิ่มคุณค่าด้วยธาตุเหล็ก ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและการเติบโตของลูก โดยปกติแล้ว เด็กจะมีธาตุเหล็กสะสมมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเพียงพอสำหรับ 6 เดือนแรกเท่านั้น หากลูกไม่ได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเติม อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง ซึ่งทำให้หมดแรงและยับยั้งความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาการต่างๆ ได้ เพื่อเสริมสร้างให้ลูกแข็งแรง คุณแม่สามารถเพิ่มธาตุเหล็กลงในมื้ออาหารได้อย่างง่ายๆ โดยให้มื้ออาหารมีส่วนผสมของเนื้อแดง ผสมกับผักใบเขียว และเพิ่มความแข็งแรงด้วยอาหารจำพวกธัญพืชต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของธาตุเหล็ก ลองเมนูใหม่ๆ เช่น โฮมเมดแพนเค้ก ทานคู่กับแฮมและมะเขือเทศชิ้นบางๆ ก็จะช่วยให้ลูกได้รับธาตุเหล็กได้มากขึ้น 8. สนุกกับกิจกรรมนอกบ้าน การปล่อยให้ลูกได้เล่นสนุกนอกบ้าน ปลูกต้นไม้ หรือเล่นกับเด็กอื่นๆ ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมที่น่าสนุก แต่ยังช่วยพัฒนาระบบภูมิต้านทานตามธรรมชาติของเด็กได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ จากผลสำรวจ พบว่า 9 ใน 10 ของคุณแม่ในปัจจุบัน มีความความคิดเห็นว่าในการเลี้ยงดูลูกนั้น ไม่ควรตามใจลูกไปหมดทุกอย่าง ควรปล่อยให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ให้เขาได้ลองผิดลองถูก จะสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจให้ลูกได้อย่างเหมาะสม 9. ป่วยไข้เป็นเรื่องดี อาการไอ จาม หรือเป็นหวัด เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในวัยเด็ก โดยภูมิต้านทานของเด็กนั้น จะยังมีไม่มากเท่าผู้ใหญ่ ซึ่งกระบวนการทำความสะอาด จะทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ ดังนั้น ลูกน้อยควรได้รับสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยการให้อาหารเสริมที่มีพรีไบโอติกควบคู่ไปกับมื้ออาหารและหลังอาหาร จะช่วยเพิ่มความสามารถในการเก็บสะสมแอนติบอดี้และช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียสุขภาพให้กับลูกได้มากขึ้น 10. พักผ่อนให้สบาย เพราะความเครียดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และทำให้ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ ดังนั้น การพักผ่อนและทำใจให้สบายให้มากที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณและลูก หากความสามารถในการปกป้องร่างกายตามธรรมชาติเสื่อมลง จะทำให้เกิดการติดเชื้อหรือเกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่ายและบ่อยขึ้น การทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง และมีภูมิต้านทานที่สมบูรณ์อย่างถาวร หากเป็นไปได้ ลองให้เวลาตัวเองอย่างน้อย 5 นาที เพื่อผ่อนคลายในแต่ละวัน ยิ่งคุณมีความสุข ผ่อนคลาย สบายตัวมากเท่าไหร่แน่นอนว่าลูกย่อมมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้น อ่านความรู้เรื่องภูมิต้านทานเพิ่มเติมได้ที่

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ 10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป

10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป
10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป
10 วิธีเพื่อช่วยปกป้องลูกตลอดไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook