ชีวิตคู่... จะอยู่อย่างไร
การมีคู่ครองถ้าไม่ได้เกิดจากความรักหรือความพอใจของคุณเอง เช่น บางคนแต่งงานเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ บางคนแต่งเพราะเห็นว่าอายุเกือบจะพ้นวัยเหมาะสม ตอนนี้อยู่สาม (3) เสน เผลออีกแป๊บเดียวเดี๋ยวจะไปอยู่หลักสี่ (4) พลาดคนนี้ไปอาจไม่มีมาอีกแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะต้องเตรียมใจว่าอาจจะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะคุณจะเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า ความสุขของชีวิตอยู่ที่ไหน และลึกๆ ในใจก็ยังคงมองหาคนที่ ใช่ ของชีวิตอยู่นั่นเอง
แต่ในเมื่อครั้งนี้คุณได้พบแล้ว กับคนที่มีจิตใจตรงกัน ยอมรับว่าอีกฝ่ายจะมาช่วยเติมเต็มอีกส่วนเสี้ยวของชีวิต นั่นคือคุณได้พบความสุขของชีวิตในเบื้องต้นแล้วหล่ะ จากนั้นคุณทั้งคู่จึงได้ตกลงจูงมือกันเดินผ่านทุกขั้นตอนตามกระบวนของความรัก จวบจนจบทุกขั้นตอน พิธีการงานวิวาห์ ที่มีทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง ญาติมิตร ทั้งฝ่ายเราฝ่ายเขามาร่วมรับรู้เป็นสักขีพยานมากมายในการเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ คราวนี้ขั้นตอนต่อไปก็เป็นเรื่องที่คุณและเขาจะต้องช่วยกันประคับประคองดูแล ให้ทั้งชีวิตคู่และคู่ชีวิตดำเนินเรื่องราวต่อไปอย่างมีความสุขสมบูรณ์ แต่คุณทราบดีใช่ไหมคะ ว่าชีวิตแบบคู่รักที่แม้จะรักกันมากมายเพียงใดนั้นช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตหลังการแต่งงาน ที่ต้องมีเรื่องของการปรับตัว ปรับเวลา ปรับใจ อดทน เสียสละ ยอมแพ้ แกล้งโง่ และอื่นๆ อีกสารพัด แต่ทั้งนี้ก็เพราะคุณมั่นใจแล้วว่าคนนี้แหละที่มีค่าควร ดังนั้นเมื่อได้อยู่ร่วมกันแล้วจริงๆ สมกับที่รอคอย อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงสุดที่รักของคุณเอาตอนนี้ อย่าลืมว่าคู่รักของเราเป็นคนธรรมดา (เหมือนเรา) ซึ่งจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น อาการขี้บ่น เจ้าระเบียบ พูดตรงๆ ไม่อ่อนหวาน เรื่องแบบนี้ต้องสังเกตและยอมรับกันให้ได้ก่อนการแต่งงาน อย่ามาทะเลาะกันตอนนี้เพราะเขาไม่ได้ดั่งใจคุณ หนทางแห่งชีวิตคู่ของคุณเพิ่งเริ่มต้นนะคะ คุณยังต้องก้าวเดินไปด้วยกันอีกยาวไกล คู่รักของเราก็มีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งบางเรื่องอาจจะมีถูกใจเรา บางเรื่องอาจจะไม่ แต่นั่นก็คือ ตัวของเขา ซึ่งถ้าคุณรักเขา คิดที่จะอยู่ร่วมกับเขาอย่างมีความสุขก็คงจะต้องยอมรับ และปรับตัวเข้าหากัน แทนที่จะใช้ความพยายามในการไปเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งแทน อย่าลืมว่าบนพื้นฐานทางความคิดของความเป็นผู้ชายกับความเป็นผู้หญิงนั้น มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ทั้งลำดับวิธีการ และการหาทางออกในการแก้ปัญหา ตัวอย่างง่ายๆ ที่ทุกคู่รวมทั้งคู่ของคุณคงเคยเจอ เวลามีเรื่องทะเลาะกันผู้ชายจะขอหลบไปใช้เวลาเงียบๆ คนเดียวสักพักให้รู้สึกดีขึ้น แต่สำหรับผู้หญิงจะต้องการการพูดคุย ขออธิบายความกันเดี๋ยวนั้นเพื่อแก้ไขความอึดอัดขุ่นเคืองที่ค้างอยู่ให้รู้สึกดีขึ้น หรืออย่างประเด็นเรื่องความโรแมนติก สาวๆ ทุกคนจะมีมุมแฟนตาซีในหัวใจ ที่ต้องการให้ชายหนุ่มทำอะไรหวานๆ แสดงออกถึงความอ่อนโยนใส่ใจต่อเธอบ้างโดยไม่ต้องบอกให้ทำ เพราะรู้สึกว่าถ้าบอกให้ทำแล้ว นั่นจะโรแมนติกได้อย่างไร มันเป็นแค่การทำตามคำบอก แต่รู้ไหมคะ ว่าที่รักของคุณเขาคิดอีกแบบนึง ว่าถ้าคุณไม่ได้เรียกร้องขออะไรเพิ่มเติม นั่นแปลว่าเขาดูแลคุณอย่างดีเพียงพอและเหมาะสมแล้ว ความแตกต่างเหล่านี้แหละค่ะ เป็นที่มาที่ว่าผู้ชายมาจากดาวอังคาร ส่วนผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ สำหรับตัวเราก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ปรับปรุงตัวให้มีเสน่ห์ และสดชื่นอยู่เสมอ วันก่อนเคยสวยงามยังไง ทำไมวันนี้แต่งงานแล้วเราต้องสวยงามน้อยลงด้วยล่ะคะ ดิฉันเองเป็นคนหนึ่งหล่ะ ที่ไม่ยอมแน่ๆ เหตุผลไม่ใช่แค่การผูกมัดใจกันด้วยความหล่อความสวยให้เขาภูมิใจแค่นั้น แต่ที่สำคัญนั่นเป็นความภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่า นอกจากนี้คุณยังต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนใจกว้าง รู้จักให้อภัย คุณอาจตอบกลับมาว่าคุณเป็นคนเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ในชีวิตการแต่งงานนั้น ของเดิมคุณเคยเป็นอยู่เท่าไหร่ต้องจับคูณเข้าไปอีกสิบเท่า เพราะในความเป็นจริง แม้ว่าสุดที่รักของคุณจะรักคุณคนเดียว แต่ก็เป็นไปได้นี่คะ ที่เขาจะมีการเลี้ยวซ้ายนิดเลี้ยวขวาหน่อยออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง อาจจะแวบแอบพาสาวน้อยคนไหนไปเลี้ยงข้าว หรือชอบสังสรรค์กลับดึกเป็นประจำทุกเย็นวันศุกร์ หรือยังติดกับรูปแบบการใช้ชีวิตบางอย่างเหมือนยังเป็นคนโสด คุณต้องทำใจได้เมื่อเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ในเมื่อเราเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่กับเขาแล้ว จะยอมทิ้งความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันไปง่ายๆ ได้อย่างไร ก็เขาคนนั้นยังมีค่ามากพอไม่ใช่หรือคะที่คุณจะให้อภัย จำไว้ว่าผู้ชายต้องการยอมรับ และศรัทธาจากผู้หญิงที่เขารัก และลองหาทางกระซิบบอกเขานะคะว่า สิ่งที่เราต้องการ คือให้เข้าใจความรู้สึกของเรา เคารพในสถานะภาพของชีวิตคู่ ที่ต้องให้เกียรติกัน และการทะนุถนอมดูแลเราอย่างรักใคร่ เรื่องของฐานะ รายได้ การเงินของครอบครัวก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตคู่ และอนาคตข้างหน้าแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณดำเนินไปอย่างมีความสุข มีอิสระในการใช้ชีวิตตามสมควร ชีวิตคู่แบบระหกระเหิน ลำบากลำบน ลุ่มๆ ดอนๆ นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่สนุกแน่ ซึ่งถ้าคุณและคู่รักของคุณเป็นคนมีหน้าที่การงาน มีความรู้อยู่กับตัว ขยันตั้งใจช่วยกันสร้างฐานะก็คงไม่ต้องกลัวว่าชีวิตจะลำบาก ครั้นจะมัวแต่นั่งหวังรอมรดกหกพันล้านแบบนั้นจะไหวหรือ เอาไว้ถ้าได้มาค่อยว่ากันถือว่าเป็นส่วนแถมของกำไรในชีวิตจะดีกว่า ความจริงของการมีชีวิตคู่ ซึ่งนอกเหนือไปจากความสุข และความอบอุ่นในชีวิตแล้วที่สำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ก่อนจะไปเข้าใจผู้อื่น คุณต้องรู้ตัวเองก่อนว่าคุณต้องการอะไร และต้องรู้อีกด้วยว่าคุณไม่ต้องการอะไร จากนั้นจึงหันมาพิจารณาว่าคุณยอมรับความจริงในความเป็นเขา ในตัวตนของเขา ในความต้องการของเขาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ายอมรับได้ทั้งหมด นั่นคือคุณได้พบคนพิเศษคนนั้นแล้ว การพิจารณาแบบนี้ทำให้เราสามารถมอบความรักที่แท้จริงให้ได้ โดยที่ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าในตัวเอง เพื่อให้อยู่ด้วยกันด้วยความรักความเข้าใจกันได้ตลอดไป เพราะในท้ายที่สุด ในการตัดสินใจเลือกคู่ครั้งนี้ ก็มีแต่ตัวเราเองนั่นแหละค่ะที่ต้องรับผลที่จะเกิดตามมาจากการตัดสินใจเลือกคู่ของตัวเราเอง ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากหนังสือ I Do เดือน ธันวาคม