อนาคตปาร์คนายเลิศ เล็ก ณพาภรณ์ "ทำให้ไม่เจ๊งและเติบโตไปกับโลกได้"

อนาคตปาร์คนายเลิศ เล็ก ณพาภรณ์ "ทำให้ไม่เจ๊งและเติบโตไปกับโลกได้"

อนาคตปาร์คนายเลิศ เล็ก ณพาภรณ์ "ทำให้ไม่เจ๊งและเติบโตไปกับโลกได้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อนาคตปาร์คนายเลิศ เล็ก ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร "ทำให้ไม่เจ๊งและเติบโตไปกับโลกได้"
สุชาฎา ประพันธ์วงศ์

 

หลังจากกลับมาใช้ชีวิตโสดอีกครั้งของสาวสังคมมีสไตล์ควบตำแหน่งเวิร์กกิ้งวูแมนอย่าง "เล็ก ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร" ทายาทโรงแรมปาร์คนายเลิศ พักหลังนี้จะเห็นว่าเธอเริ่มถอยห่างจากงานสังคม เพราะต้องมาเอาจริงเอาจังในการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจโรงแรม ฐานะกรรมการผู้จัดการโรงแรมสวิสโฮเต็ล นายเลิศ ปาร์ค เพื่อสานต่อธุรกิจของ "คุณยาย" ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ผู้ก่อตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศ

ระยะหลังมานี้จะเห็นว่า "คุณหนูเล็ก" แห่งปาร์คนายเลิศดูจะคล่องแคล่วทะมัดทะแมงเป็นพิเศษ หลังจากค้นพบวิธีออกกำลังกายที่ตรงกับจริตของตัวเอง สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างสมดุลสมส่วนตามสไตล์สาวร่างเล็ก ให้สามารถมีมัดกล้ามที่แข็งแรงแบบกำลังดี ด้วยศาสตร์โยคะจากประเทศอินเดียที่เลือกฝึกได้ตามต้องการ จนนำมาสู่การเปิดศูนย์ฝึกโยคะในชื่อ "Kryoga Gold"

ดูเหมือนว่างานบริหารศูนย์ฝึกโยคะจะเป็นงานที่คุณหนูเล็กชอบและแฮปปี้ที่สุดนอกจากเป็นสิ่งที่เริ่มต้นขึ้นมาด้วยตัวเองแล้วยังเป็นสิ่งที่เอ็มดีปาร์คนายเลิศอยากส่งต่อให้คนอื่นได้พบความมหัศจรรย์ที่แตกต่างของศาสตร์โยคะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเนิบช้า แต่เป็นโยคะที่ตอบโจทย์คนที่ชอบความว่องไวและเสียเหงื่อจริงจัง พร้อมฟื้นพลังงานในร่างกาย

ถึงจะชอบธุรกิจโยคะ แต่สิ่งที่ "เล็ก-ณพาภรณ์" ต้องโฟกัสมากที่สุดคือ การดูแลบริหารโรงแรมเป็นงานหลัก ซึ่งต้องผ่านความท้าทายและปัญหาไม่น้อย

จากคุณหนูเล็กที่ชอบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆอยู่เป็นนิจรายล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงมากมายในวันนี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคุณหนูเล็กที่อยู่ท่ามกลางพนักงานที่มีโจทย์เฉพาะหน้ามาให้แก้อยู่ทุกวัน แต่ถือเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ให้นักบริหารสาวสวยคนนี้ได้ฝ่าฟันอย่างตื่นเต้น และมีความสุขทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาถึงโรงแรม นับเป็นเวลา 3 ปีกว่าที่หลานสาวท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ ขึ้นมาดูแลโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในหลายสิ่ง

คุณหนูเล็กบอกว่า วันแรกที่เข้ามาทำงานได้ทำข้อตกลงกับครอบครัวทั้งคุณยาย คุณแม่ (สัณหพิศ โพธิรัตนังกูร) และ คุณป้า (พิไลพรรณ สมบัติศิริ) ให้เข้าใจตรงกันตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อวางการบริหารงานแบบมืออาชีพ เพราะที่ผ่านมาเราบริหารกันแบบธุรกิจครอบครัว

"เล็กขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นให้เล็กมายืนจุดนี้ และบอกว่าทุกคนยังเป็นเจ้าของอยู่ ไม่ได้บอกว่าคุณจะไม่มีสิทธิ์พูด แต่ขอให้ความชอบ หรือความต้องการของแต่ละคน ขอให้ตรงมาที่เล็กคนเดียว ไม่ใช่ว่าทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่แล้วคุณป้าอยากเปลี่ยนดอกไม้ ป้าก็ไปบอกบ๋อยให้เปลี่ยนเป็นสีขาว แล้วพอเล็กมาก็ถามหาสีม่วงฉันหายไป ทำไมเป็นสีขาว คือเรื่องแบบนี้บอกได้ แต่ให้ตรงมาที่เล็กเพื่อเราจะได้ตรงไปที่จีเอ็ม พนักงานก็จะได้ไม่ต้องลำบาก จะได้ทำงานง่ายขึ้น

เล็กพยายามทำตรงนี้ให้เป็นคอร์เปอเรต เพราะคำว่าครอบครัวมันคืออารมณ์ ทุกคนใช้อารมณ์ตัดสินใจทั้งนั้น คือที่เราคุยไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เอาโรงแรมเป็นที่ตั้ง"

เมื่อผ่านด่านครอบครัวมาได้ ด่านต่อมาคือพนักงาน จากคุณหนูเล็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงแบบไม่แคร์ใคร พกเอาสไตล์การบริหารแบบเมืองนอกมาเต็มกระเป๋า ย่อมเป็นสิ่งใหม่ต่อองค์กรที่มีคนเก่าคนแก่อยู่มาก โดยเฉพาะการพูดคุยกันแบบตรง ๆ อาจจะทำไม่ได้เสียทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องมีกระบวนการปรับจูน

งานนี้หลานสาวท่านผู้หญิงก็ทำได้ดีทีเดียว แม้ในตอนแรกจะยังไม่เข้าใจสไตล์คนไทย แต่การเป็นคนเปิดกว้างและรับฟัง ทำให้คุณหนูเล็กเรียนรู้ปรับลดอีโก้ของตัวเองลงมาอย่างไม่ขวยเขิน และยอมปรับตัวเองดีกว่าไปเปลี่ยนแปลงคนอื่นที่อาจจะทำยากกว่าหรืออาจจะทำไม่ได้เลย

"เราเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จากพนักงาน จากผู้ใหญ่ เมื่อก่อนจับทางไม่ค่อยถูกใช้อารมณ์เยอะด้วย โฟกัสไม่ค่อยมี อันนี้พูดตรง ๆ ตัวมาทำงานแต่ใจอยู่ที่เที่ยว คือเมื่อก่อนเที่ยวเยอะมาก หลายคนอาจจะมองว่าผิด แต่เล็กคิดว่าไม่ผิด และเล็กไม่ค่อยสนว่าคนอื่นจะคิดยังไง เช่น หลายคนเคยว่า...นี่เหรอหลานท่านผู้หญิง ทำไมทำตัวอย่างนี้ เล็กก็ถามแม่ว่าผิดมั้ย แม่บอกว่าไม่ผิด แต่เล็กอาจจะแต่งตัวโป๊ไปหน่อย อีกอย่างเล็กมีแต่เพื่อนผู้ชาย ไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิง ฉะนั้น ภาพที่ออกไปจึงดูแรง ดูเยอะไปหมด แม่ก็บอกแค่ว่าให้เบา ๆ ลงนิดหนึ่ง เพราะถึงแม้ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ต้องเข้าใจว่าที่นี่ประเทศไทย"

ส่วนเรื่องงานแต่ก่อนอาจจะไม่ค่อยฟัง ไม่พอใจใครก็ด่าไปเลย เหมือนเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่ค่อยไว้หน้าใครเท่าไร แม่ก็มาเตือนทีหลัง ให้รู้ว่าคนไทยไม่ชอบเสียหน้า ถ้าเกิดจะว่าเขาควรจะบอกเขาทีหลัง แต่เล็กก็ตอบว่า ไม่...นี่ไม่ใช่วิธีของเล็ก คืออยากเคลียร์ไปเลย แม่บอกงั้นก็ได้ แต่ควรระวังคำพูดตัวเองด้วย ควรมีวิธีพูด ใช้จิตวิทยาในการพูด ฉะนั้น อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เล็กก็จะพยายามเก็บสะสมและค่อย ๆ ปรับ แต่ก่อนเล็กพยายามจะเปลี่ยนคนอื่น ซึ่งไม่ค่อยสำเร็จ เล็กจึงนำสิ่งที่คุณยาย คุณแม่ และคุณป้าสอนมาปรับ พยายามพิจารณาตัวเองว่าเราพูดแรงไปหรือเปล่า พอเราคิดได้ไปถูกทางแล้ว คนก็จะยอมรับและให้เกียรติเรามากขึ้น

"ไม่ใช่ว่าฉันเป็นลูกเจ้าของ วันดีคืนดีไปชี้สั่ง ๆ เขา คนที่โดนสั่งเยอะ ๆ ไม่มีใครอยากทำหรอก ไม่ใช่ระบบทาส ตอนนี้เราพยายามจะทำเป็นเพื่อนร่วมงานมากกว่า ไม่ใช่นายและลูกน้อง เล็กเชื่อว่าพนักงานทุกคนจะอยู่กับลูกค้ามากกว่าเรา ฉะนั้น เล็กจะคอยฟังพนักงานมากกว่าว่าเขามีข้อเสนออะไร ควรจะปรับตรงไหน ซึ่งเห็นผลค่ะ ตอนนี้เวลาเล็กเดินเข้าโรงแรม คนก็ไม่วิ่งหนีหลบมุมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งต่างจากแต่ก่อน"

นักบริหารสาวสวยคนนี้ยังอดปลื้มไม่ได้กับบรรยากาศการทำงานที่พนักงานแฮปปี้ลูกค้าแฮปปี้หลังจากที่เธอทุ่มเทเอาใจใส่ดูแลพนักงานไม่ใช่แค่หน้าบ้านแต่ดูแลหลังบ้าน อย่างห้องพักพนักงานที่พื้นเทเอียงจะแทบตกคลองแสนแสบ เล็กก็จัดการซ่อมแซมให้ใหม่ ทุกคนก็มีความสุขขึ้น

"เล็กได้เห็นการบริหารงานของบริษัทเมืองนอกมาเยอะ บริษัทใหญ่ ๆ และโรงแรมใหญ่ที่เขาเจริญเติบโตได้ไกล เล็กเชื่อว่าคนมองปาร์คนายเลิศเป็นแบบธุรกิจบ้าน ๆ เหมือนเจ้าของรวย ๆ มาทำกันเอง อยากมีที่นั่งกินกาแฟหรู ๆ (หัวเราะ) เป็นธุรกิจครอบครัว แต่จริง ๆ ไม่ใช่นะคะ เราเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 เข้ามาทำตรงนี้ โจทย์ของเล็กคืออะไร คืออยากทำให้ปาร์คนายเลิศเจริญเติบโต อยากให้ปาร์คนายเลิศอยู่คู่กับประเทศไทยไปนาน ๆ แล้วทำยังไง เราก็ต้องขยายขึ้นไปอีก เราต้องมีอะไรใหม่ ๆ ออกมา"

นี่คือวิสัยทัศน์ของนักบริหารรุ่นใหม่ที่มีความสำเร็จจากในอดีตเป็นตัวเปรียบเทียบปัจจุบันและอนาคตโดยทายาทสาวคนนี้เชื่อว่าคนรุ่นใหม่อย่างเธอไม่มีทางเก่งเก๋าเท่าคนรุ่นก่อน

"เล็กรู้ตัวเองว่าไม่ได้เก่งเท่าคุณทวด คุณยาย แค่ทำให้ไม่เจ๊ง และเติบโตไปกับโลกได้ แค่นี้พอแล้ว และจะทำให้ได้ เพราะเล็กไม่อยากพูดเยอะ ๆ พูดสวยงามแล้วทำไม่ได้ เราอยู่กับโลกความจริง เราทำตรงนี้ให้โตขึ้นเรื่อย ๆ ในความพอเหมาะของเรา เราไม่ได้แข่งกับที่อื่น เราแข่งกับตัวเอง"

อันนำมาสู่โปรเจ็กต์ใหม่ที่ครอบครัวรถเมล์ขาวภูมิใจนำเสนอ "มิวเซียมบ้านโบราณอายุ 100 ปี" หลังจากทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้าน ในการรีโนเวตบ้านให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อรองรับผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ที่จะรวบรวมของโบราณหลายหมื่นชิ้นมาไว้ให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวได้เห็นวิถีชีวิตชาวไทยโบราณ วัตถุโบราณ อาทิ เรือสมัยที่นายเลิศใช้ล่องมหาสมุทร หลุมระเบิดในบ้านร่องรอยทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกที่ยังคงเหลือร่องรอยให้เห็นในปัจจุบัน

รวมไปถึงการฟื้นบ้านริมทะเลของคุณยายที่หัวหินให้กลายเป็นบีชคลับริมหาดสร้างห้องพักให้เช่าและอนาคตจะเกิดเป็นคอนโดฯในเนื้อที่ 6 ไร่ติดชายทะเล นี่คือการเติบโตไปพร้อมกับโลกตามที่คุณหนูเล็กบอกว่า เป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ

ต่อจากคุณยายภายใต้เงื่อนไขเดียว คือ "จะทำอะไรก็ทำหลังยายตาย และห้ามตัดต้นไม้ยาย" คำสั่งเสียของท่านผู้หญิงเลอศักดิ์กำชับไว้

คุณหนูเล็กเป็นอีกคนที่มีพลังในตนเองสูงมาก แม้จะเป็นสาวร่างเล็กแต่ไฟแรงดีไม่มีตก เธอยอมรับว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เอ็นจอยกับการทำงาน ส่วนเรื่องการสร้างครอบครัวให้เป็นเรื่องของอนาคต

"ถามว่าอีกหน่อยอยากมีครอบครัวมั้ย ต้องการไหม ความจริงก็ต้องการ รู้ว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ คงไม่อยากแก่ไปคนเดียว แต่ตอนนี้เล็กไม่ค่อยเสียเวลาอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วปวดหัว เล็กไม่ได้ต้องการมีภาพแบบเมื่อก่อนที่ต้องอยู่กับคนเยอะ ๆ เพราะภาพเหล่านั้นมันไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับเล็กแล้ว มันเสียเวลามากกว่า ชีวิตมันคนละจังหวะเวลา ถือว่าตอนนั้นเราอาจยังไม่รู้จักตัวเองดี"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook