มาดาม ฟิกาโร : มิถุนายน 2551
กลับมาสะกดสายตาทุกคู่อีกครั้ง สำหรับ มาดอนน่า ผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดในโลก กับอัลบั้มใหม่ล่าสุด Hard Candy ที่เริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา วันนี้ นิตยสาร มาดาม ฟิกาโร (Madame FIGARO) ฉบับเดือนมิถุนายน ที่ยอดพุ่งกระฉูดจากการปรับรูปเล่มสวย โมเดิร์น เต็มสาระ จับเธอมาขึ้นปกพร้อมพูดคุยกึงแก่นแท้แห่งชีวิตและจิตวิญญาณที่หลอมรวมเป็นเธออย่างหมดเปลือก ว่าแต่คุณพร้อมจะอ่านหรือยัง Hard Candy แข็งกร้าวในความหวาน ชื่ออัลบั้มนี้คือการเรียงเคียงคู่กันของความแข็งกร้าวและความอ่อนหวาน คล้ายๆ กับว่าฉันจะเตะก้นแก แต่รับรองเลยว่าแกต้องชอบ แล้วฉันก็เป็นคนชอบกินลูกกวาดซะด้วยสิ มาดอนน่าพูดอย่างติดตลกถึงอัลบั้มของตัวเองที่เน้นแนวดนตรีฮิปฮ็อป และได้ขุนพลทางดนตรีทั้ง 3 คนมาร่วมทำอัลบั้มด้วย อย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลค, ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ และ ทิมบาแลนด์ ถามว่าทำไมถึงเป็นสามคนนี้ เพราะฉันชอบงานของพวกเขา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การทำงานแบบที่ฉันคุ้นเคย เรื่องนัดเวลากับพวกเขาค่อนข้างจะยาก งานชุดนี้เลยใช้เวลานานหน่อย ถ้าถามว่ามีสักเพลงไหมที่เป็นคล้ายๆ กับธีมของอัลบั้ม ฉันคิดว่าน่าจะเป็นซิงเกิ้ลแรก Four Minutes เพราะมันมีความรู้สึกของเหตุเร่งด่วน และความเอาจริงเอาจังอยู่ในเนื้อเพลงนั้น แต่ขณะเดียวกัน เพลงมันก็ยังสนุกสนานนะ กับ Four Minutes ถ้ามองดูให้ดี เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีกเฉิน ลองคิดดูเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้บ้าง มีสถานการณ์อะไรในตะวันออกกลาง การเลือกตั้งดำเนินไปยังไง เกิดอะไรขึ้นกับสภาพแวดล้อม มีแต่ความสับสนวุ่นวายอยู่ทุกหนทุกแห่ง และทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณบอกทุกคนว่า ถึงเวลาต้องตื่นตัวได้แล้วนะ ใส่ใจโลกได้แล้ว คุณจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา หรือส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา ดังนั้น เพลง Four Minutes จึงเกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่ามา คุณสามารถช่วยโลกได้ด้วยเพลงเพลงหนึ่ง คุณสามารถทำให้คนตื่นตัว ช่วยให้สำนึกถึงความรับผิดชอบเหมือนเพลง Imagine ของจอห์น เลนนอน หากพูดถึง Hard Candy ว่าสัมพันธ์กับมาดอนน่าอย่างไร เธอตอบว่า มันเป็นการเปรียบเทียบ ชีวิตถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับความขัดแย้ง และมักมี 2 ด้านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชีวิต คน ทุกอย่าง ชีวิตก็คือการออกศึกนั่นแหละ อย่างที่รู้กันว่ามาดอนน่า คือสาวทำงานตัวจริง เธอเป็นทั้งนักร้อง นักเต้น นักแสดง นักแต่งเพลง นักประพันธ์หนังสือเด็ก และผู้กำกับ ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้เธอบอกว่ามันมาจากการเต้นรำ และนั่นก็เกี่ยวพันกับดนตรีอย่างแยกจากกันไม่ได้ สำหรับฉันการหันมาเขียนเพลง ร้องเพลง หรือเป็นนักแสดง มันเป็นอีกก้าวหนึ่งที่พัฒนามาจากการเต้น และถึงฉันจะทำงานในสายภาพยนตร์ ฉันก็มักจะนึกถึงเรื่องดนตรีในเนื้องานนั้นด้วย แม้มาดอนน่าจะเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของยุค แต่เธอกลับมองอีกแบบ