“เอิ้น พิยะดา” คุณหมอนักแต่งเพลง หัวใจเกษตร
คุณหมอผู้รักการเขียนเพลง เคยสร้างให้หลายต่อหลายเพลงติดอยู่ในหัวใจของคนฟัง อาทิ ‘เพื่อนรัก’ เอิน-กัลยากร, ‘เจ็บซ้ำซ้ำ’ แอน-ธิติมา, ‘รักเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ’ ลูกปัด, ‘คำถาม’ ท๊อฟฟี่ หรือแม้แต่เพลงที่สื่อถึงความเข้าใจโลกอย่าง “เจ็บจนเข้าใจ” โดย พี่ตู่ นันทิดา
วันนี้ของ คุณหมอเอิ้น เว้นวรรคจากงานแต่งเพลง หันมาจับงานบริหาร ”เลยพาวิลเลี่ยน” ธุรกิจโรงแรมของครอบครัวในจังหวัดเลย โดยเธอเลือกที่จะเข้าใกล้ธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะใช้การเกษตรแบบพึ่งพาควบคู่ไปกับการบริหารงานโรงแรม
จากงาน ‘คุณหมอจิตแพทย์’ และ ‘นักแต่งเพลง สู่งานบริหารโรงแรมแบบเกษตรพึ่งพา
“ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเอิ้นเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะเรื่องงานและความรับผิดชอบ ซึ่งพอมารับผิดชอบงานที่นี่ทำให้เอิ้นได้มองเห็นว่าจริงๆ แล้วมันทำอะไรก็ได้ เรามีศักยภาพถ้าเราจะทำ สองปีที่หายไปจากการแต่งเพลงซึ่งถือว่าเป็นงานที่เอิ้นรักมาก และไม่คิดว่าจะห่างจากเขาได้นานขนาดนี้
มาทำงานโรงแรมมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น จากที่ไม่เคยมีลูกน้องก็ต้องมี ต้องรับผิดชอบ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก ซึ่งเอิ้นต้องดูตั้งแต่การสัมภาษณ์ รับเข้ามา การฝึกอบรม
เอิ้นมองว่ามีหลายร้อยหลายพันคนที่เขาเก็บเงินทั้งชีวิตเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่างที่เป็นกิจการของตัวเอง แต่ว่าในเมื่อพ่อแม่เราให้ทรัพย์เรามาแล้ว และในฐานะที่เราเป็นลูก เอิ้นมองว่าเป็นหน้าที่หนึ่งด้วยนะคะที่เราจะทำให้สิ่งที่พ่อแม่ให้มาเจริญงอกงาม ต่อยอดสิ่งที่พ่อแม่ให้ เลยเลือกที่จะทำต่อ
โรมแรม – ศูนย์การเรียนรู้ด้านเกษตรแบบพึ่งพา
”เอิ้นเกิดในครอบครัวเกษตร คุณพ่อเป็นอาจารย์เกษตร คุณตาคุณยายเป็นเกษตรกรหมด ในรุ่นคุณแม่ถึงจะมาเป็นครู ซึ่งเราได้รับการซึมซับมาตั้งแต่เด็ก เรารู้สึกว่านี่คือวิถีความสุขที่แท้ เอิ้นคิดว่าเราจะต้องผูกโยงความเป็นตัวเรา เป็นสิ่งที่เราชอบเข้ามาด้วย เป็นสิ่งที่เราอยู่กับเขาแล้วเรามีความสุขไปด้วย เป็นความสุขทางใจค่ะ
เราอยากให้ที่นี่เป็นมุมๆ หนึ่งในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งก่อให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ เรามีแปลงเกษตร พอวันแม่วันพ่อเราก็มาดูทำอย่างไรให้ครอบครัวเกิดความสัมพันธ์ หรือทำอย่างไรให้เด็กๆ รู้คุณค่าของคุณแม่ พระคุณของน้ำนมคุณแม่ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้เรื่องของข้าว เราก็ทำกิจกรรมปลูกรักวันแม่ เอาลูกๆ กับคุณแม่ คุณพ่อมาทำกิจกรรมด้วยกัน และก็ลงท้ายด้วยการปลูกข้าว
เอิ้นจะไม่มีความสุขและไม่สนุกเลย กับสิ่งที่เราทำแล้วเราไม่รู้ว่าเราทำเพื่ออะไร คือรู้ว่าเราทำไปเพียงแค่ว่าได้ตัวเงินมาเยอะ แต่ว่าเราขาดซึ่งจิตวิญญาณ เราขาดซึ่งคุณค่าในคุณธรรม ฉะนั้นเราก็เลือกที่จะให้คุณค่ากับสิ่งที่เราทำส่วนหนึ่ง รายได้ส่วนหนึ่ง เรื่องผลต่อสังคมมันเป็นเรื่องผลพลอยได้ที่ออกมา”
ผลิตภัณฑ์เกษตรใช้ควบคู่กับโรงแรม
“วิสัยทัศน์ของโรงแรมคือ Eco and Health เป็นโรงแรมที่รักษ์โลกด้วยรักสุขภาพด้วย เลยคิดว่าเราจะเน้นไปที่หลักกสิกรรม ธรรมชาติ เศรษฐกิจพอเพียง ข้าวของเครื่องใช้ที่จึงทำเอง ก่อนหน้านี้รายจ่ายต่อเดือนเฉพาะค่า สบู่ แชมพู น้ำยาซักผ้า ประมาณหนึ่งหมื่นแปดพัน ตอนนี้เหลือประมาณห้าพัน
สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ พอเครือข่ายชาวบ้าน หรือหน่วยราชการบางหน่วยเขารู้ว่าเราทำ เขาก็เชิญให้เราไปเป็นวิทยากรซึ่งเอิ้นจะให้แม่บ้าน ให้พี่ที่ดูแลสวนไปร่วมเป็นวิทยากร เขาเองก็เกิดความภูมิใจ ว่าเขาไม่ได้เป็นแม่บ้านอย่างเดียวแล้วนะ แต่ยังเป็นครูที่ได้สอนคนอื่นได้ด้วย อันนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด ค่ะ”