8 เคล็ด (ไม่) ลับ แม่ท้องควรรู้
เพราะช่วงการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับคนที่เป็นแม่มากที่สุด นพ.ร่มไทร เลิศเพียรพิทยกุล แพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สุขภาพสตรีกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ จึงมี 8 เคล็ดไม่ลับสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มาฝากกัน
นพ.ร่มไทรกล่าวว่า ช่วงระยะเวลา 9 เดือนของอายุครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องดูแลตัวเองมากกว่าปกติ โดยสิ่งสำคัญอันดับแรกคือ
1.การฝากครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ รวมถึงกำหนดวันคลอดที่แน่นอนเพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่น หลีกเลี่ยงการผ่าคลอดก่อนกำหนด หรือคลอดช้าเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเด็กในครรภ์
2.ระวังการใช้ยา มีผลต่อทารก เนื่องจากยาบางตัวที่แม่ใช้อาจมีผลต่อเด็ก เช่น ยาความดัน ยาไทรอยด์ และยากันชัก สำหรับยาที่ต้องเฝ้าระวังในกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่ยารักษาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ หรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
3.เสริมโฟลิก อย่างน้อย 0.4 มิลลิกรัม หรือ 400 ไมโครกรัมต่อวัน
4.นับลูกดิ้น เมื่ออายุครรภ์หลัง 7 เดือน หรือ 28 สัปดาห์ ให้คุณแม่สังเกตว่าลูกดิ้นเป็นปกติหรือไม่ โดยเฉพาะเวลาหลังอาหาร เด็กควรจะดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง ใน 2 ชั่วโมง ในกรณีที่เด็กดิ้นน้อย หรือมีสัญญาณที่ผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขได้ทัน
5.เลี่ยงเด็กเล็ก เนื่องจากทำให้คุณแม่มีโอกาสติดเชื้อ คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสน้ำลายเด็กเล็ก หรือล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสารคัดหลั่งจากเด็กอ่อน ซึ่งมีโอกาสทำให้ติดเชื้อได้โดยไม่แสดงอาการ
6.งดเนื้อดิบ ควรหลีกเลี่ยงไม่กินเนื้อดิบ หรือใกล้ชิดสัตว์เลี้ยง เช่น แมว เพื่อลดความเสี่ยงจากพยาธิท็อกโซพลาสม่า ที่สามารถผ่านรกเข้าไปฝังตัวอยู่ในสมองเด็ก ทำให้เด็กมีศีรษะโตผิดปกติ และตาบอดได้
7.หลีกสารเคมี ความร้อน คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรอบเซาน่าหรือแช่น้ำร้อนโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะความร้อนมีผลต่อเซลล์ประสาทเด็กที่ยังสร้างไม่สมบูรณ์ ถ้าไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะหากร่างกายได้รับสะสมต่อเนื่องผลที่ตามมาก็ไม่อาจคาดเดาได้
8.มะเร็งขณะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีที่พบความผิดปกติ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
"นอกจากนี้ คุณแม่ที่มีโรคประจำตัว และตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก มีโอกาสเสี่ยงท้องนอกมดลูก ครรภ์เป็นพิษ และคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติ เพราะความผิดปกติของรกทำให้เด็กในครรภ์เจริญเติบโตช้า นั่นเป็นเหตุผลที่ควรรีบมาพบแพทย์ในทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ เพื่อตรวจคัดกรองโรคที่อยู่ในปัจจัยเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ" นพ.ร่มไทรฝากทิ้งท้าย
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.istockphoto.com/