โดนล้อ จนได้ดี สาวประเภทสอง เปลี่ยนตัวเองให้สวยราวตุ๊กตาบาร์บี้

โดนล้อ จนได้ดี สาวประเภทสอง เปลี่ยนตัวเองให้สวยราวตุ๊กตาบาร์บี้

โดนล้อ จนได้ดี สาวประเภทสอง เปลี่ยนตัวเองให้สวยราวตุ๊กตาบาร์บี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประสบการณ์จริงจากสาวประเภทสอง ชื่อ "เอมีลี่" เธอเคย อ้วน ดำ โดนดูถูกสารพัด เธอไม่เคยท้อ ทำตามสิ่งที่ชอบต่อไป นั่นคือการมีใจรัก ชอบตุ๊กตาบาร์บี้ อะไรทำให้เธอสวยเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้บ้าง ตามมาอ่านรีวิวเรื่องราวชีวิตเธอกันค่ะ

สวัสดีเพื่อนๆ แนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ "เอมีลี่" ค่ะ กระทู้นี้อยากตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังโดนดูถูก โดนล้อ โดนรังแก ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก หรือบางคนอาจจะโดนเหยียดเพศด้วย ซึ่งเราเองก็ผ่านจุดนี้มาแล้ว แต่ว่าบาร์บี้เกี่ยวอะไรด้วย? จะเปลี่ยนแปลงยังไง? แล้วเอมีลี่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร? วันนี้จะนำประสบการณ์ส่วนตัวมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้กันค่ะ

แต่เดิมเป็นเพียงสาวประเภทสองคนนึง ที่มีใจรักและชื่นชอบการ์ตูนและตุ๊กตาบาร์บี้มาตั้งแต่เด็กๆ และเคย มีความฝันว่าอยากจะเป็นเหมือนบาร์บี้ คือมีเพื่อนเยอะๆ มีงานดีๆ ทำ ได้แต่งตัวสวยๆ ไปทำงานหรือเที่ยว แต่ตอนนั้นคิดว่า ภาพในหัวเหล่านั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของตัวเองเท่านั้น เพราะสภาพในตอนนั้นคือผิวหมองคล้ำเสียจากการถูกแดดเผา ผิวหน้าแย่มาก และที่สำคัญ น้ำหนักในตอนนั้นหนักตั้งแต่ 80-85 kg. เลยทีเดียว โดยความสูง 175 ซม.! ทำให้โดนเพื่อนผู้ชายล้อ โดนดูถูกต่างๆ นานา และพอแอบชอบใคร เขาคนนั้นก็จะแสดงออกซึ่งความรังเกียจ ขยะแขยง บางคนถึงขั้นร้อง "อี๋" ทั้งๆ ที่เขาเห็นหน้าเราไม่กี่เมตรด้วยซ้ำ ทำให้เราไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าสังคม แต่ก็ยังโชคดีที่เราเองก็ยังมีเพื่อนดีๆ คอยให้กำลังใจเราอยู่บ้าง หลายคนอาจจะนึกภาพในอดีตของเราไม่ออก งั้นไปรับชมพร้อมกันเลยค่ะ

แอบอายนิดๆ เหมือนกันค่ะ 555555+ ซึ่งหน้าตาแบบนี้แหละค่ะที่ทำให้ตัวเองโดนดูถูก โดนหัวเราะเยาะมาตลอด บางทีเดินผ่านกลุ่มผู้ชาย ก็โดนแกล้งสารพัด และจุดพีคที่สุดคือ ไปชอบผู้ชายคนนึงเข้า และพยายามที่จะเข้าหาเขา ไปไหนมาไหนหรือกินอะไร เรามักจะออกตังค์ให้เขาเสมอ (มูลค่าโดยรวมที่เสียให้คนๆ นี้น่าจะหลักหมื่น) ซึ่งแรกๆ ก็เหมือนจะดี

แต่พอเวลาต่อมา เขาจะเริ่มเย็นชา และบอกกับเราว่า "เราอายเวลาที่เดินกับเอ" และต่อมาก็ใช้คำพูดเย็นชามากขึ้น แต่เราก็พยายามทนเพียงเพราะว่าเรารักเขา จนสุดท้ายเขาไปมีแฟนเป็นผู้หญิง และบอกไม่ให้เราไปยุ่งกับเขาอีก เขาได้พูดทิ้งท้ายว่า "ถ้าทนไม่ไหวก็ฆ่าตัวตายไปซะ ก*ไม่ได้อยากแม้แต่จะเป็นเพื่อนกับมึ* เลยด้วยซ้ำ และอย่าลืมอัพรูปตอนกรีดข้อมือตัวเองลง Hi5 ด้วยล่ะ" ซึ่งเป็นคำที่ทำให้เราเสียใจที่สุด แถมแฟนที่สวยและน่ารักของเขาก็ยังมาดูถูกเราและเยาะเย้ย ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นยอมรับว่าเคยฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่สุดท้ายคนที่ดึงเราให้กลับมาเหมือนเดิมก็คือ "ครอบครัวของเรา" นั่นเอง

คุณยายและแม่จะบอกเราเสมอว่า "ถึงเราจะโกรธแค้นเขา แต่ก็ห้ามทำร้ายเขาหรือตัวเองเด็ดขาด เพราะทุกอย่างมันเป็นกรรมที่เราเคยทำร่วมกับเขา ต้องอโหสิกรรมให้เขาแล้วเราก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วเรื่องดีๆ คนดีๆ จะมาหาเราเองซักวัน" เพราะคำพูดนี้ เราเลยพยายามปรับตัวใหม่ พยายามคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มตั้งใจเรียน เริ่มลองหางานทำ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย บางเรื่องท้อแท้ไปเลยก็มี จนมีอยู่วัน หนึ่งที่เราเดินผ่านร้านขายของเล่นแล้วไปเจอตุ๊กตาบาร์บี้เรียงรายอยู่เต็ม ไปหมด บวกกับตอนนั้นที่เริ่มมีซีรีย์ "Barbie Life In The Dreamhouse" ออกมาใหม่ๆ พอดี เราซึ่งชื่นชอบในบาร์บี้อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เรากลับมาติดตามบาร์บี้แบบจริงจังอีกครั้ง และเกิดความคิดว่าเราอยากจะสวย หุ่นดี เหมือนบาร์บี้บ้าง 55555+

ตอนนั้นเลยมีความคิดว่า "ถ้าเราเปลี่ยนใครซักคนมารักเราไม่ได้ เราก็น่าจะลองเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นในแบบที่เราอยากเป็นดูดีกว่า" จากนั้นเราเลยเริ่มมีความคิดแรกคือ ลดน้ำหนักให้ผอมลงกว่าที่เป็นให้ได้ โดยที่ระหว่างนั้น คนที่รู้ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงก็มักจะบอกว่า เราทำไม่ได้หรอก เพราะวันๆ เราเอาแต่กินๆ ทั้งวัน ซึ่งเราก็พยายามลบคำสบประมาท โดยใช้วิธีลดโดยธรรมชาติ นั่นคือ ปกติกินข้าว 5 มื้อ/วัน พร้อมของหวานของทอดต่างๆ ก็กินข้าวเพียง 3 มื้อตามคนปกติ และไม่แตะของมัน ของทอด หรือทานแป้งเยอะๆ เวลาทั้งวันช่วงนั้นหมดไปกับการวิ่ง และการหาเมนูลดน้ำหนักตามอินเตอร์เน็ต บางครั้งก็ไม่กินเนื้อสัตว์ไประยะหนึ่งเลย จนลดมาระดับนึงอย่างที่เห็นในรูป

ซึ่งพอเราเห็นรูปร่างของเรา บวกกับมีคนทักว่าผอมลง นั่นทำให้เรามีกำลังใจ และความมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก แต่พอน้ำหนักลดแล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่ก็คือการดูแลตัวเอง ซึ่งจากปกติที่เราไม่เคยใช้โลชั่น หรือครีมบำรุงผิวใดๆเลย เราก็ต้องเริ่มที่จะซื้อและหัดใช้ และ โชคดีมากที่เราได้รู้จักกับพี่ๆ ที่เป็นพริตตี้ เอ็มซีอยู่บ้าง เขาก็แนะนำในเรื่องของความสวยความงาม โดยที่เราไม่ต้องไปสุ่มเสี่ยงกับครีมกิโล หรือครีมที่ขายในเน็ต เพราะพี่ๆ เขาจะแนะนำครีมที่ขายตาม Drug Store , เซเว่น ,เค้าเตอร์แบรนด์ หรือร้านที่น่าเชื่อถือ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวเราดีขึ้น เรายังได้ใช้ของที่มั่นใจว่าปลอดภัย

นอกจากนี้พี่ๆ เหล่านั้นยังสอนให้เรารู้จักเทคนิคการแต่งหน้า และการเลือกใช้ของต่างๆ ตลอดจนเริ่มหัดที่จะใส่บิ๊กอาย ทำให้เราสามารถเก็บเกี่ยววิชาเหล่านั้น และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองไปทีละนิด โดยที่ไม่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมเลยแม้แต่น้อย และนอกจากเปลี่ยนแปลงภายนอกแล้ว เรายังเปลี่ยนแปลงภายในด้วย เช่น พยายามสวดมนต์ ศึกษาธรรมะ พยายามไม่คิดร้ายกับใคร ไม่พูดจาหยาบคาย พยายามคิดดีทำดี เพราะบาร์บี้ในการ์ตูนนั้นดีทั้งรูปร่างและจิตใจ นอกจากนี้ก็พยายามพัฒนาทักษะความสามารถให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้งในด้านภาษา และด้านการพูด

จนในที่สุดเราลดน้ำหนักไปได้เหลือ 55 kg. จากปกติอยู่ที่ 80 กว่าๆ !! จนสามารถไปแคสงานต่างๆ ได้ และก็ได้มีโอกาสทำงานให้กับบาร์บี้ ในฐานะ MC และพรีเซนเตอร์คอยแนะนำสินค้าและการเล่นให้กับเด็กๆ ซึ่งเราเองก็ใช้ความรักในตัวบาร์บี้และเด็กๆ ทำงานต่างๆ ด้วยหัวใจ และส่วนตัวนอกจากทำงานให้บาร์บี้แล้วก็ยังสะสมตุ๊กตาบาร์บี้เองด้วยค่ะ จนปัจจุบันนี้มีตุ๊กตาบาร์บี้ทั้งหมดประมาณ 80 กว่าตัวแล้ว และนอก จากทำงานไปด้วย เราก็พยายามอัพตัวเองให้เหมือนบาร์บี้ไปด้วยทั้งภายนอกและภายใน โดยเน้นคอนเซป "ไม่ทำร้ายตัวเองโดยการอดอาหาร หรือศัลยกรรม เหมือนกับมนุษย์บาร์บี้ในต่างประเทศโดยเด็ดขาด" สำหรับรูปบรรยากาศการทำงานคร่าวๆ ก็ตามรูปข้างล่างเลยจ้า....

เวลาผ่านไป ยิ่งเราทำงานกับบาร์บี้ ได้ใกล้ชิดกับบาร์บี้มากขึ้น เราก็ยิ่งรักบาร์บี้มากขึ้นไปอีก และจากสิ่งต่างๆ ที่เราได้เปลี่ยนแปลงไปนั้น ก็ทำให้มีโอกาสต่างๆ เข้ามามากมาย ซึ่งตอนนี้นอกจากจะเป็น MC และพรีเซ็นเตอร์ของบาร์บี้อย่างเดียวแล้ว เรายังได้รับโอกาสจากเจ้าของงานข้างนอกต่างๆ ให้ไปเป็นพิธีกรตามงานประกวดเด็กอีกด้วย ส่วนตัวแล้วเราคุ้นเคยกับเด็ก รักเด็กอยู่แล้ว และมีประสบการณ์จากการทำงานให้กับบาร์บี้ ทำให้งานข้างนอกเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ยากเย็นนัก

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงในคอนเซปแต่งตัวตามสไตล์บาร์บี้ของเราเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้เด็กๆ และผู้ปกครองที่ติดตามบาร์บี้ชื่นชอบ รวมถึงเจ้าของงานหลายๆ งานก็ไม่เคยมองเราในเรื่องเพศเลย เพราะเขาบอกว่า "คนเก่งๆ มีเยอะ แต่คนที่เก่งและเข้ากับเด็กได้จริงๆ นั้นหายาก"

และนี่คือรูปในปัจจุบันค่ะ

ถึงอาจจะไม่ได้สวยเท่าบาร์บี้ของจริง แต่เราก็รู้สึกภูมิใจและก็ดีใจมากๆ ที่มาถึงจุดนี้ได้ และบาร์บี้ก็ได้เป็นไอดอลและแรงบันดาลใจให้เอทำตามความฝันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ บาร์บี้ไม่ใช่แค่ของเล่นเด็กผู้หญิง แต่เธอคือตัวแทนที่อยากบอกกับสาวๆ ทุกคนว่า ทุกคนสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ Anything Is Possible !!

และเอก็อยากให้เรื่องราวของเอ เป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆ คนที่อยากจะลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และระลึกไว้เสมอว่า ทุกคนมีความสวยหล่อในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักตัวเองได้มากแค่ไหน และพอเราหาตัวเองเจอแล้วว่าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร จงทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ ด้วยความรับผิดชอบ และทำด้วยหัวใจ เชื่อว่าถ้าเราทำอะไรเต็มที่ สิ่งดีๆ ก็จะตามมาเอง ไม่ช้าก็เร็ว สู้ๆค่ะ ;)

สุดท้ายนี้อยากขอขอบคุณบาร์บี้ ขอบคุณครอบครัวของเรา ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ยังให้กำลังใจเสมอไม่ว่าเราจะเป็นยังไง และที่ขาดไม่ได้อยากจะขอขอบคุณอดีตอันเลวร้าย เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็คงไม่มีเราในวันนี้เช่นเดียวกัน

เพื่อนๆ คนไหนอยากร่วมพูดคุย หรืออยากขอคำปรึกษาในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือการลดน้ำหนัก สามารถอินบ๊อกได้ที่เฟสของเอได้เลยนะคะ

https://www.facebook.com/amily.harajuku
Instagram : amilyramil

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ โดนล้อ จนได้ดี สาวประเภทสอง เปลี่ยนตัวเองให้สวยราวตุ๊กตาบาร์บี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook