Preppy Style! แฟชั่นสไตล์คุณหนูแซ่บเวอร์"ยุคคุณย่า"ที่ไม่มีเอาท์!
"สไตล์เพรพพี้" (Preppy Style )
เวลาเราไปซื้อเสื้อผ้า หรืออ่านนิตยสารแฟชั่นต่างๆ ก็มักจะเห็นคำนี้อยู่บ่อยเลยทีเดียวค่ะ แม้ว่าสไตล์นี้จะเกิดขึ้นนานมากแล้วแต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมของสาวๆในทุกยุคทุกสมัยสลับหมุนเวียนเรื่อยมาตามช่วงเวลา
อยู่ในกระแสมานานขนาดนี้แสดงว่า Preppy ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน!
จริงๆแล้วต้นกำเนิดของแฟชั่นสไตล์นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความหมายตามตัวของศัพท์เลยค่ะนั่นก็คือPreppyที่มาจากคำว่า preparatory ซึ่งในที่นี้หมายถึงโรงเรียนในระดับมัธยมของสหรัฐฯ (prep school) โดยสมัยก่อน สาวๆ ที่มีโอกาสได้เรียนไฮสคูลตั้งแต่ปี 1 หรือเรียนในโรงเรียนดีๆ นั้นมีแต่บรรดาไฮโซและชนชั้นกลางระดับสูงเท่านั้น ดังนั้น พวกเธอจึงถือว่าเป็นหญิงสาวที่เรียกว่ามีคุณสมบัติเพรียบพร้อม ที่ทั้งดูดี มีชาติตระกูล ฐานะดี เรียนเก่ง เรียบร้อย เนี้ยบ สะอาดสะอ้าน เป็นกุลสตรี
เราอาจะเรียกว่า ความเป็นเอกลักษณ์ของสาวๆ กลุ่มนี้ก็คือ วัยสาว ฉลาด มีความสามารถ
นอกจากนั้น เวลาอยู่ในโรงเรียนพวกเธอยังต้องเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย เราจึงสังเกตว่าแฟชั่นสไตล์นี้มีบางรูปแบบที่อยู่ในลักษณะชุดกีฬาไงล่ะคะ เวลาที่พวกเธออยู่รวมกันในโรงเรียนก็มักจะแต่งตัวคล้ายๆ กันโดยเน้นไปในทาง เสื้อผ้าที่สะอ้านสะอ้าน สบายตา ใช้ผ้าเนื้อดี ตัดเย็บเรียบร้อย หรือเรียกว่าเป็นสไตล์คุณหนูไฮโซนั่นแหละค่ะ
สำหรับแบรนด์ที่เน้นไปในทาง Preppy ที่เราจะคุ้นเคยกันก็เช่น Prada, Ralph Laurent, Kate Spade หรือ Michael Kors นั่นเองค่ะ
เราลองมาดูกันเป็นข้อๆดีกว่าว่าสาว Preppy มีเอกลักษณ์เด่นๆ อะไรบ้าง
1. มีความมั่นใจในตัวเอง
เป็นลักษณะที่สำคัญข้อแรกของสาวสไตล์นี้เลยล่ะค่ะ พวกเธอจะไม่เขินอายในการที่จะแสดงออกในความเป็นตัวเอง รวมไปถึงความคิดเห็นที่มีต่อสิ่งต่างๆ พวกเธอจะเชิดหน้า ยืนตัวตรง พูดจาฉะฉานแต่สุภาพ และไม่กลัวที่จะแสดงออกถึงความเป็นตัวเองเลยค่ะ
2. Smart and Classy
เนื่องจากการวางตัวในสังคมเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คนทั่วไปนับถือสาวประเภทนี้เป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่จะมองคุณด้วยสายตาชื่นชมการวางตัวแบบsmartandclassyจึงหมายถึงการมีกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยฉลาดอ่อนโยน ยกตัวอย่างกิจกรรมที่คุณอาจทำก็เช่น ยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคน มีกลุ่มเพื่อนสาวที่สนิท(แน่นอนว่าต้องเป็นสาว Preppyเหมือนกัน) ไม่นินทาว่าร้ายผู้คนไปทั่ว ช่วยเพื่อนทำการบ้าน
อ่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเกิดมาแล้วเป็นอัจฉริยะหรือสวยมากหรอกนะคะ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและวางตัวล้วนๆเลยล่ะ
3. เล่นกีฬา
อย่างที่เราได้อธิบายไปแล้วว่าเสื้อผ้าสไตล์นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากชุดกีฬาในโรงเรียนมัธยม ดังนั้นสาว Preppy จึงอาจจะเล่นกีฬาด้วยก็ได้ค่ะ กีฬาที่เป็นที่นิยม เช่น เทนนิส วอลเล่ย์บอล กอล์ฟ ว่ายน้ำ ฮ็อกกี้ ขี่ม้า บัลเล่ต์ เชียร์ลีดเดอร์ เป็นต้นค่ะ
4. การแต่งตัว
เรามาถึงเรื่องการแต่งตัวกันบ้าง เนื่องจากการเป็นสาว Preppy จะต้องเนี้ยบเรื่องการแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า และอาจจะต้องเลือกเสื้อผ้าที่มีการตัดเย็บดี สีเรียบ พอดีตัว ถ้าเป็นกระโปรงก็ต้องไม่สั้นเกินไป เนื้อผ้าคุณภาพดี เสื้อผ้าเหล่านี้มักจะมีราคาแพงกว่าเสื้อผ้าตามท้องตลาดทั่วไปอยู่ซักหน่อย แต่ข้อดีของเสื้อผ้าแนวนี้ก็คือ มักจะไม่มีคำว่าล้าสมัยเลยล่ะค่ะ เรียกว่าลงทุนครั้งเดียวก็สามารถนำมา mix and match ได้อีกยาว
สำหรับตัวอย่างเสื้อผ้าที่ต้องมีก็ได้แก่ Bermuda shorts, khakis, Polos, Cardigans, Oxfords, Chinos, Ballet Flats, Blazers และ Ties
5. เครื่องประดับ
นับเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยนะคะที่จะช่วยทำให้ลุคของสาวๆ ดูน่ารักและมีเสน่ห์มากขึ้นอีก ซึ่งมักจะเป็นเครื่องประดับที่เข้ากันได้ดีกับเสื้อนั่นเองค่ะ ซึ่งได้แก่ Tote bags, Headbands, Ribbon belts, Madras belts, Jewelry
6. ผมและการแต่งหน้า
หัวใจของข้อนี้เลยคือ “ความเนี้ยบและเรียบง่าย” ค่ะ ก่อนอื่นเลย การรักษาความสะอาดของทุกส่วนบนร่างกาย รวมไปถึงทุกสิ่งที่จะสวมใส่จึงเป็นกฎข้อแรก เราจึงไม่มีทางเห็นสาว Preppy ผมรุงรัง ไม่หวีผม ล้างหน้าไม่สะอาด มีกลิ่นตัวเลยนะคะ
จากนั้นจึงตามมาด้วยการเน้นทรงผมและการแต่งหน้าที่ perfect but simple ค่ะ ดังนั้น เราจะต้องดูเป็นธรรมชาติในขณะเดียวกันก็ต้องมีสไตล์ด้วยค่ะ อาจจะใช้ที่คาดผม โบว์ หรือกิ๊บเล็กๆ มาช่วยแต่งทรงผมก็พอ ส่วนการแต่งหน้าก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเอง เช่น รองพื้นต้องถูกเบอร์ แป้งต้องไม่ดูหนาเตอะ ไม่ใช้ eye shadow ที่มีสีสันมากเกินไป ส่วนลิปสติกก็ต้องเป็นสีที่เป็นตัวเองมากที่สุด โดยไม่เข้มหรืออ่อนมากไป เรื่องเหล่านี้สาว Preppy จำเป็นต้องมีความรู้อย่างเดียวเลยล่ะค่ะ เพราะถือว่าเป็นพื้นฐานของการแต่งหน้าอยู่แล้ว
สรุปแล้ว การเป็นสาว Preppy จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายล่ะค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ดูพยายามมากไป ของแบบนี้แอดมินว่ามันมาจากอินเนอร์ส่วนนึง อีกส่วนคือการฝึกฝนและวางตัวค่ะ